"แต่คำนั้นชัดอยู่แล้วว่าใช้คำว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่จะเรียกอย่างไรก็เป็นเรื่องที่สุดแล้วแต่ว่าจะมีพระราชวินิจฉัย เมื่อครั้งรัชกาลที่7สละราชสมบัตินั้น รัชกาลที่8ใช้คำว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เพราะเดิมเมื่อครั้งที่เป็นพระวรวงศ์เจ้าก็ใช้อย่างนั้นเป็นการเอาชื่อเดิมมาต่อ แต่ตอนที่รัชกาลที่7ซึ่งก่อนหน้านั้นเป็นเจ้าฟ้า ขึ้นต่อจากรัชกาลที่6นั้น และเมื่อขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ พระปรมาภิไธยในตอนแรกคือสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจ้าฟ้าประชาธิปก กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา จะเห็นว่ามีหลายวิธี แต่ครั้งนี้จะเรียกอย่างไร รัฐบาลตอบไม่ถูก เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย2ข้อ ซึ่งกรธ.เอง ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ถูกต้องเพราะไม่รู้จะแก้อย่างไร เพราะไม่รู้ว่าจะทรงโปรดเกล้าฯในยามใด ขึ้นกี่ค่ำ แรมกี่ค่ำ และไม่รู้พระปรมาภิไธยที่ชัดเจนถูกต้อง ดังนั้นในที่สุดแล้วก็คงต้องถวายขึ้นไปโดยที่ยังไม่แก้ไข ไม่ได้เติมอะไร เพราะจะถึงกำหนดที่ต้องทูลเกล้าฯแล้ว"รองนายกรัฐมนตรี กล่าว รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลทูลเกล้าฯร่างรัฐธรรมนูญขึ้นไป และหลังจากนั้นเมื่อทราบว่าขึ้นกี่ค่ำแรมกี่ค่ำ ทราบถึงพระปรมาภิไธยแล้ว กรธ.ก็จะส่งต้นฉบับแก้ไขมาให้ ขณะที่รัฐบาลก็จะส่งอาลักษณ์ไปเขียน ซึ่งไม่ถือว่ายุ่งยากและในวันนี้ยังยืนยันเช่นเดิมที่พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ จะทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างรัฐธรรมนูญด้วยพระองค์เอง