พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ว่า ตั้งแต่วันที่ 29 เป็นต้นไปซึ่งจะเปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมเบื้องหน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยจะใช้กำลังตำรวจนครบาลจำนวน 3,000 นายต่อวัน และจุดคัดกรอง 8 จุดที่มีเครื่องสแกนโลหะ เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย และการจราจรรอบบริเวณพระบรมมหาราชวัง ทั้งนี้การข่าวยังไม่พบจุดเสี่ยงและความผิดปกติแต่อย่างใด เพราะได้สนธิกำลัง ระหว่างทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา โดยตนได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่เฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ยังมีกล้อง CCTV รอบพื้นที่สนามหลวงกว่า 1,300 ตัวใช้งานได้ทั้งหมด เพื่อช่วยในการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน และในเช้าวันที่ 29 ต.ค. ตนจะลงพื้นที่เพื่อตรวจความเรียบร้อยบริเวณรอบพระบรมมหาราชวัง จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในการรักษาความปลอดภัย
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่าการจัดการจราจรในพื้นที่รอบพระบรมมหาราชวังในวันที่ 29 ต.ค. จะมีการปิดจราจรตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป 4 จุด ที่จะมุ่งหน้าสู่พระบรมมหาราชวัง ประกอบด้วย บริเวณถนนหลานหลวง แยกจปร.ถนนราชดำเนินนอก แยกอรุณอมรินทร์ และวงเวียนรักษาดินแดน ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลง จะแจ้งให้ทราบอย่างน้อย 30 นาที ส่วนแผนการระบายประชาชนที่มาถวายบังคม ได้จัดทำแผนเตรียมความพร้อมล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว และมีการสั่งทำป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อระบุจุดขึ้นรถที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้มีประชาชนร้องเรียนว่าไม่ทราบจุดรับส่งที่ทางราชการจัดไว้อย่างไรก็ตามแนะนำให้ประชาชนที่จะเข้ามาถวายบังคมพระบรมศพแต่งกายให้ถูกต้องและควรวางแผนการเดินทางมา เนื่องจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทสามารถรับคนได้วันละ 10,000 คนเท่านั้น