ฮิลลารี มีคะแนนนิยมนำทรัมป์ 12 จุด

ผลสำรวจคะแนนนิยมใหม่ครั้งล่าสุดของ เอบีซี นิวส์ พบว่า ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตมีคะแนนนิยมแตะระดับ 50% จากผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศ ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันอยู่ในอันดับ 2 ได้ 38% ตามด้วยแกรี จอห์นสัน ผู้สมัครจากพรรคลิเบอแทเรียน และ จิลล์ สไตน์ ผู้สมัครจากพรรคกรีนได้ 2%
นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่า ฮิลลารีมีคะแนนนิยมนำห่างทรัมป์ถึง 20 จุดในกลุ่มผู้หญิงและนำอยู่ 3% ในกลุ่มผู้ชาย และยังมีคะแนนนำห่าง 20 จุดในกลุ่มผู้จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย แต่นำเพียง 3 จุดในกลุ่มผู้ที่ไม่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ขณะที่ฐานเสียงใหญ่สุดของทรัมป์ คือ กลุ่มผู้มีสิทธิออกเสียงผิวขาวที่ไม่จบมหาวิทยาลัย โดยเขามีคะแนนนิยมนำฮิลลารี ที่ 55% ต่อ 36%
ผลสำรวจของเอบีซีจัดทำระหว่าง 20-22 ต.ค.จากการสอบถามผู้ที่คาดว่าจะใช้สิทธิออกเสียง 874 คน
ขณะที่เคลลีแอนน์ คอนเวย์ ผู้จัดการทีมหาเสียงของทรัมป์ ยอมรับว่า เรายังคงตามหลัง และฮิลลารีได้เปรียบกว่ามาก แต่เราจะไม่ยอมแพ้ และรู้ว่าเราสามารถชนะ
แต่ทรัมป์ประกาศในการหาเสียงที่เมืองเนเปิลส์ รัฐฟลอริดาเมื่อวันอาทิตย์ว่า ผลสำรวจเหล่านี้ไม่มีความถูกต้องอย่างมาก และอ้างด้วยว่าเขามีคะแนนนิยมในกลุ่มผู้มีสิทธิออกเสียงที่เป็นผู้หญิงมากกว่ากลุ่มผู้ชายด้วยซ้ำ นอกจากนี้เขายังย้ำด้วยว่าข้อกล่าวหาเดิมว่ามีการโกงเลือกตั้ง โดยบอกว่า เราอยู่ในระบบที่มีการโกง และคอร์รัปชั่น และเบอร์นี แซนเดอร์ส ก็อยู่ในระบบที่มีการโกง ทรัมป์พยายามหยิบยกกรณีของแซนเดอร์ส ผู้สมัครชิงเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่พ่ายแพ้ให้กับฮิลลารี เพื่อหวังดึงคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้สนับสนุนแซนเดอร์ส
ขณะที่ฮิลลารี กล่าวในการหาเสียงที่มหาวิทยาลัย นอร์ธแคโรไลนา ในเมืองชาร์ล็อตต์เมื่อวันอาทิตย์ว่า การที่ทรัมป์พูดว่าจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อระบบประชาธิปไตยของประเทศ และการถ่ายโอนอำนาจอย่างสงบราบรื่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้อเมริกาเป็นอเมริกา แต่บางคนเป็นพวก "ขี้แพ้ชวนตี"