โคลัมเบียช็อคผลมติต้านข้อตกลงสันติ

ผลการลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันอาทิตย์พบว่า ชาวโคลัมเบีย 50.21%คัดค้านข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัฐบาลและกองกำลังติดอาวุธเพื่อการปฏิวัติแห่งโคลัมเบีย หรือ กบฏฟาร์ก เพื่อยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อ 52 ปี ขณะที่อีก 49.78% สนับสนุนข้อตกลง โดยมีคะแนนห่างกันเพียงเกือบ 54,000 เสียงหรือไม่ถึง 0.5% และมีจำนวนผู้ใช้สิทธิทั้งหมดเพียง 37%
ผลประชามติสร้างความยินดีให้กับกลุ่มผู้คัดค้านข้อตกลงสันติภาพ โดยบางคนที่เป็นเหยื่อของความโหดร้ายของกบฏฟาร์ค บอกว่า ผลมติครั้งนี้ต้องการบอกให้รัฐบาลเจรจาแก้ไขข้อตกลงใหม่กับกบฏ
ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนข้อตกลงทั้งเสียใจและโกรธ บางคนถึงกับร้องไห้เมื่อทราบผลประชามติและตะโกนว่าเราต้องการสันติภาพ ทั้งสื่อและสังคมออนไลน์เปรียบเทียบผลประชามติช็อคคนทั้งประเทศครั้งนี้เหมือนกับผลการลงประชามติในอังกฤษเพื่อถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป
ผลประชามติพลิกความคาดหมายทั้งที่ผลสำรวจความคิดเห็นเพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการลงประชามติพบว่า ฝ่ายสนับสนุนข้อตกลงสันติภาพอาจชนะด้วยคะแนนเสียงมากกว่าถึงเกือบ 20%
ประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส กล่าวยอมรับผลประชามติ แต่สัญญาว่าจะไม่ยอมล้มเลิกความพยายามและจะเดินหน้าสร้างสันติภาพจนถึงวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งส่วนนายโรดริโก ลอนโดโน หัวหน้ากลุ่มฟาร์ค หรือที่รู้จักในชื่อ ทิโมเลียน "ทิโมเชนโก"ฮิมิเนซ บอกว่า ผลประชามติทำให้รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงจากกลุ่มติดอาวุธเป็นพรรคการเมืองมีความท้าทายมากกว่าที่คิดและต้องอาศัยความพยายามมากขึ้นเพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน
ตาามข้อตกลงกำหนดให้สมาชิกกบฏฟาร์ก 5,765 คนปลดอาวุธภายใน 6 เดือนและตั้งเป็นพรรคการเมืองเพื่อลงสมัครเลือกตั้งเข้าสู่รัฐสภา นอกจากนี้จะแสวงหาความยุติธรรมและจ่ายเงินชดเชยให้กับเหยื่อเคราะห์ร้าย และยุติการผลิตโคเคน ที่เป็นแหล่งรายได้ของกบฏที่ใช้ในการสู้รบ กบฏฟาร์กทำสงครามกองโจรสู้รบกับรัฐบาลตั้งแต่ปี 2507 หลังการลุกฮือของเกษตรถูกกองทัพปราบปราม และการสู้รบนาน 52 ปีคร่าชีวิตประชาชน 260,000 คน