ซึ่งกลุ่มที่ 3 เป็นผู้บริหารและผู้มีตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จํานวน 7 ราย และกลุ่มที่ 4 ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 55 ราย รวมเบ็ดเสร็จจำนวน 62 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารอบต. และข้าราชการท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ต่อกรณีมีพฤติกรรมร่วมกันทุจริตในการสอบแข่งขันพนักงานส่วนตำบลเมื่อปี 2557
อย่างไรก็ตามในอดีตที่ผ่านมานายชยาวุธ จันทร ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ได้เคยยื่นร้องเรียนในเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แล้ว โดยยื่นผลคะแนนสอบมาที่กระทรวงมหาดไทย ป.ป.ช. และพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(คตช.) เพื่อพิจารณาโทษทางปกครองกับผู้บริหาร อบต. และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในช่วงปลายปี 2557 ก่อนถูกที่นายชยายุทธจะได้รับการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯอุดรธานี เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 58 แต่เรื่องเหล่านั้นก็ยังไม่ได้มีการตัดสิน
"ได้มีผู้ร้องเรียนต่อ คสช. ป.ป.ช. และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมหาสารคาม ให้ตรวจสอบการทำงานของ อบต. ในการบรรจุบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบล 31 แห่ง จำนวน 207 อัตรา เนื่องจากมีหลายแห่งที่ผู้สอบได้ไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และไม่ตรงกับผลคะแนนการสอบของม.ราชภัฎกาฬสินธุ์ รวมถึงมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย จ.ขอนแก่น ในฐานะเป็นสนามสอบกลาง" อดีตผู้ว่าฯมหาสารคาม ระบุ
ต่อกรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา นายโชคชัย เดชอมรธัญ ผู้ว่าฯมหาสารคาม ได้มีหนังสือด่วนลงวันที่ 2 ก.ย.2559 ถึง รมว.ยุติธรรม ให้ นายก อบต. ในเขตพื้นที่ของจังหวัดมหาสารคามพ้นจากหน้าที่ หลังกระทำการทุจริตสอบแข่งขันบุคคลเพื่อบรรจุเป็นพนักงานส่วนตำบลรวม 32 ราย โดยอ้างถึงคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงใน จ.มหาสารคามได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่า มีความผิดจริง จึงได้เซ็นคำสั่งให้ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเขตพื้นที่มหาสารคามรวม 32 ราย
อย่างไรก็ดีล่าสุด นายโชคชัย ได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯภูเก็ต ในวันที่ 1 ต.ค.นี้