แอปเปิลVSซัมซุง ศึกชิงมือถือ

ตั้งแต่กำหนดเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแฟล็กชิพ "กาแล็กซี่ โน้ต 7" 2 ส.ค. ก่อนจะเริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า และทยอยเปิดตัวในประเทศต่างๆ ซึ่งในไทยมีกำหนดรับสินค้าจากการสั่งจองล่วงหน้า 2-4 ก.ย.ที่ผ่านมานี้ และจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 9 ก.ย. ด้วยราคาเริ่มต้น 28,900 บาท ซึ่งเป็นกำหนดการที่เลื่อนจากเดิมทีจะเปิดขายวันที่ 19-21 ส.ค. จากปัญหาการผลิตเทคโนโลยีที่ซับซ้อน

แต่หลังจากสินค้าถึงมือลูกค้าในตลาดกลุ่มแรก เช่น เกาหลีใต้ และสหรัฐ กลับมีรายงานแบตเตอรี่ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บริษัทต้องประกาศระงับการขายสินค้าทันที รวมถึงในไทยที่ประกาศแจ้งลูกค้าผ่านแฟนเพจ "ซัมซุง โมบาย ไทยแลนด์" ขอเลื่อนการส่งสินค้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด พร้อมกับประกาศเรียกคืนสินค้าที่ไม่ระบุจำนวนและเตรียมจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ผู้ที่ได้รับสินค้าไปแล้วเพื่อความปลอดภัย
แต่หลังจากสินค้าถึงมือลูกค้าในตลาดกลุ่มแรก เช่น เกาหลีใต้ และสหรัฐ กลับมีรายงานแบตเตอรี่ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บริษัทต้องประกาศระงับการขายสินค้าทันที รวมถึงในไทยที่ประกาศแจ้งลูกค้าผ่านแฟนเพจ "ซัมซุง โมบาย ไทยแลนด์" ขอเลื่อนการส่งสินค้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด พร้อมกับประกาศเรียกคืนสินค้าที่ไม่ระบุจำนวนและเตรียมจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ผู้ที่ได้รับสินค้าไปแล้วเพื่อความปลอดภัย

ผู้บริหารกลุ่มมือถือของซัมซุง แถลงยอมรับว่า บริษัทได้รับรายงานปัญหาโน้ต 7 จากแบตเตอรี่ระเบิดหลายครั้งหลังจากเปิดตัวรุ่นดังกล่าวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ซึ่งจนถึงขณะนี้ ซัมซุงขายโน้ต 7 ไปแล้ว 1 ล้านเครื่องใน 10 ประเทศ รวมถึงเกาหลีใต้ และสหรัฐ ซึ่งบริษัทรู้สึกเสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์นี้
แบตระเบิดสะเทือนยอดแม้จะยังระบุสาเหตุของปัญหาไม่ได้ชัดเจน แต่จากการตรวจสอบอย่างละเอียดซัมซุงยอมรับว่า มีรายงานปัญหา 35 เครื่อง จากจำนวนที่ผลิตทั้งหมด 2.5 ล้านเครื่อง ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะปัญหาแบตเตอรี่โดยเฉลี่ยแล้วมีสถิติเกิดขึ้นได้ 1 ในจำนวนหลายล้านเครื่องเท่านั้น
เป็นที่น่าสังเกตว่า ปัญหาเครื่องร้อนจนระเบิดส่วนใหญ่ที่พบจะเกิดจากสภาพแวดล้อม เช่น วางไว้ในรถที่จอดตากแดด หรือการใช้ที่ชาร์จปลอม แต่น้อยครั้งที่เจอว่าเป็นปัญหาจากตัวแบตเตอรี่เอง เพราะโดยปกติจะมีระบบบริหารแบตเตอรี่ที่จะตัดกระแสไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม หรือเครื่องร้อนเกินพิกัด
แต่ในขณะที่บริษัทยังชี้ชัดต้นตอของปัญหาไม่ได้ และยังคงมีรายงานปัญหาเครื่องมาอย่างต่อเนื่อง และยังลามถึงรุ่นพรีเมียมในตระกูลเอส ที่มีสื่อต่างประเทศบางแห่งได้รับรายงาน "กาแล็กซี่ เอส7 เอดจ์" เกิดปัญหาแบตเตอรี่ร้อนจนลุกไหม้ในลักษณะเดียวกันออกมา
นอกจากนี้ยังเป็นจังหวะที่คู่แข่งสำคัญอย่าง "แอ๊ปเปิ้ล" กำลังเตรียมจะเปิดตัวสินค้าใหม่ที่คาดหมายกันว่างานอีเวนท์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 ก.ย.นี้ น่าจะเป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับการเปิดตัว "ไอโฟน 7" คู่ปรับสำคัญของซัมซุง

ดังนั้นการเพลี่ยงพล้ำในครั้งนี้ของซัมซุงจึงถือเป็นโอกาสทองที่ "แอ๊ปเปิ้ล" จะเรียกความสนใจให้แก่สมาร์ทโฟนชื่อเดียวของบริษัทได้อีกครั้งจากที่ระยะหลังยอดขายไอโฟนลดลงต่อเนื่องติดต่อกัน 2 ไตรมาส และราคาหุ้นที่รูดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดตัวไอโฟนมาครบ 10 ปี
ก่อนหน้านี้แอปเปิลลองมาแล้วหลากหลายหนทาง เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ไอโฟน ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น และราคาที่เข้าถึงได้ รวมถึงการปรับดีไซน์และคุณสมบัติที่แข่งกันแบบ "หมัดต่อหมัด" ทั้งคุณสมบัติภายนอกภายใน เช่น จอขนาดหลากหลายทั้งคนชอบเล็ก และใหญ่ ฟังก์ชั่นเฉพาะตัว บริการพิเศษ เช่น โมบาย เพย์เมนท์ และอุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ เพื่อกระตุ้นการใช้ไอโฟน
ทั้งยังจุดความคึกคักให้ไอโฟนใหม่ ที่กระแสก่อนหน้านี้คาดกันว่า ไอโฟน 7 จะเป็นเพียงการปรับปรุงคุณสมบัติเล็กๆน้อยๆ หรือเรียกได้ว่ารุ่นคั่นเวลาก่อนที่จะปรับโฉมไอโฟนครั้งใหญ่ในโอกาสฉลองครบ 10 ปีสำหรับไอโฟนปี 2560

ส่งผลให้แฟนคลับส่วนหนึ่งเลือกที่จะรอไอโฟน เวอร์ชั่นปี 2560 ขณะที่ส่วนหนึ่งก็มีแนวโน้มจะเปลี่ยนใจไปหาซัมซุง ซึ่งโน้ต 7 ได้รับเสียงตอบรับดีหลังการเปิดตัวจากนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ใส่เข้ามา เช่น การสแกนม่านตา คุณสมบัติกันน้ำลึก และแบตเตอรี่ที่อึดมากขึ้น
นอกจากนี้ ซัมซุงเองที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะนั่งอยู่บนเก้าอี้แชมป์ได้อย่างสบายใจ หลังเพิ่งฟื้นตัวจากสถานการณ์ที่ลำบากมายาวนาน เพราะแรงเบียดจากคู่แข่งหน้าใหม่ในตลาดสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนจากจีนที่มีจุดเด่นเรื่องราคา
ประกอบกับเป็นช่วงที่ความต้องการสินค้าเริ่มชะลอตัว โดยหลังจากมีข่าวดีจากราคาหุ้นที่พุ่งทุบสถิติของตัวเองได้ไม่นานในช่วงปลายเดือน ส.ค. แต่ก็ต้องเผชิญกับวิกฤติในครั้งนี้ ซึ่งนอกจากการกู้วิกฤติให้กลับสู่สภาวะปกติแล้ว ซัมซุงยังต้องออกแรงเพิ่มอีกมากสำหรับการไล่ตามไอโฟนในแง่ของรายได้

สถานการณ์ของทั้งสองแบรนด์ในตลาดสมาร์ทโฟนโลกรวมถึงในไทยจึงเป็นที่น่าจับตามากว่า "แอ๊ปเปิ้ล" จะใช้จังหวะนี้เรียกคะแนนความสนใจจาก "ซัมซุง" ได้หรือไม่
ประวัติศาสตร์การเรียกคืนอย่างไรก็ตาม "ซัมซุง" ไม่ใช่รายแรกที่มีปัญหาแบตเตอรี่ร้อนจนเครื่องระเบิด เพราะต้นปีที่ผ่านมา "แอ๊ปเปิ้ล" ก็ประกาศเรียกคืนอะแดปเตอร์ไอโฟนที่ขายในตลาดยุโรปและอีกหลายภูมิภาคด้วยเช่นกัน หลังพบรายงานกระแสไฟเกิน

หรือย้อนกลับไปเมื่อปี 2556 สื่อจีนรายงานข่าวมีหญิงวัยรุ่นเสียชีวิตจากการถูกไฟชอตเพราะใช้ไอโฟนในขณะที่ชาร์ตแบตเตอรี่ ซึ่งตรวจสอบพบว่าเป็นที่ชาร์ตปลอม รวมถึงอดีตยักษ์ใหญ่ "โนเกีย" ที่เคยประกาศเรียกคืนโทรศัพท์เมื่อปี 2550 หลังได้รับรายงานราว 100 เคส จากปัญหาแบตเตอรี่ร้อนเกินพิกัด