พาณิชย์ชงใช้ ม.44 ยึดทรัพย์ทุจริตขายข้าว
กระทรวงพาณิชย์ เสนอให้รัฐบาลใช้ มาตรา 44 เพื่อยึดทรัพย์นักการเมือง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ วงเงินความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท
รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย วิษณุ เครืองาม เห็นด้วยกับข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ที่จะขอใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อให้ผู้มีอำนาจลงนามหนังสือบังคับทางปกครอง ยึดทรัพย์ค่าเสียหายจากโครงการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี จำนวน 6.2 ล้านตัน วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท
มีข้อมูลว่า ฝ่ายกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 กำหนดตัวบุคคลเพื่อใช้อำนาจสั่งยึด อายัด และนำทรัพย์นั้นมาขายทอดตลาด เฉพาะในส่วนนักการเมือง 3 ราย เนื่องจากไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ ส่วนข้าราชการอีก 3 ราย มีกฎหมายความรับผิดทางละเมิดที่ปลัดกระทรวงหรืออธิบดีในสังกัดมีอำนาจอยู่แล้ว แต่ก็มีข้อท้วงติงว่าหากใช้มาตรา 44 นายกฯ อาจถูกนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามโจมตีได้ว่าใช้อำนาจกลั่นแกล้ง
รัฐมนตรีพาณิชย์ อภิรดี ตันตราภรณ์ บอกว่า การลงนามในหนังสือบังคับทางปกครองในครั้งนี้ต้องพิจารณาตามกฎระเบียบให้รอบคอบ และไม่ให้เกิดข้อร้องเรียนหรือข้อคัดค้านขึ้นในภายหลัง เพราะเป็นกรณีแรกที่ไม่ใช่การซื้อขายปกติ แต่มั่นใจจะดำเนินการได้ก่อนจะหมดอายุความในเดือน ก.พ. 2560
สำหรับผู้ต้องชดใช้ในคดีนี้ ประกอบด้วย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ คาดว่าต้องชดใช้ 1,770 ล้านบาท , นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ 2,300 ล้านบาท , พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ , นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ , นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ คนละ 4,000 ล้านบาท