จากการสอบถามแม่ชีประภารัตน์ ขุนภักดี อายุ 66 ปี แม่ชีที่ดูแลศาลา กล่าวว่า ตนเป็นผู้ดูแลศาลาดังกล่าว ปกติก็จะอยู่ภายในศาลานี้ แต่ก่อนที่จะเกิดเหตุตนได้ไปเข้าห้องน้ำจึงปล่อยศาลานี้ทิ้งไว้ พอสักพักกลับมาขณะจะเดินเข้าไปในศาลา ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาข้าง ๆ แล้วชนตนคุยไม่ยอมให้ตนเข้าไปในศาลา จนกระทั่งได้มีผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่ง เดินออกมาจากศาลา ก่อนที่จะรีบชักชวนกันออกไป อย่างผิดสังเกต ตนจึงได้มองตาม โดยจำได้ว่าทั้งหมดได้ขี่รถจักรยานยนต์คันเก่า ๆ ไม่ทราบรุ่น สี ยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียน ขับออกไปอย่างรวดเร็วจากนั้น ตนนึกเอะใจจึงรับเข้าไปตรวจดูในศาลา ก็พบว่าตู้รับบริจาคเงินหายไป 1 ตู้ จึงได้รีบแจ้งให้ รปภ.ของวัดทราบ ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ
ด้าน ร.ต.อ. สิริชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบและสอบสวนทราบว่า ภายในศาลาดังกล่าวได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าหัวขโมยที่เข้ามาขโมยเงินตู้บริจาค เป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 40-45 ปี ไว้หนวด ใส่กางเกงขาสั้นสีดำ เสื้อแขนยาวสีขาว สะพายกระเป๋า และผู้หญิงอีก 2 คน คนแรกเป็นผู้หญิง ผมยาว อายุประมาณ 40-45 ปี ใส่แว่น รูปร่างอวบ ใส่กางเกงขายาวสีดำ ใส่เสื้อแขนยาวสีขาว ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงผมสั้นอายุประมาณ 15-18 ปี ตัวเล็กใส่กางเกงขายาวสีดำ ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีขาวสังเกตลักษณะของหัวขโมยทั้ง3คน ทำทีเหมือนมาไหว้พระตามปกติ แล้วอาศัยช่วงที่ไม่มีใครอยู่ ค่อย ๆ ลากตู้รับบริจาคไปไว้ข้างองค์พระประธานก่อนที่จะงัดเอาเงินภายในตู้ไป โดยไม่สังเกตุว่าพฤติกรรมทั้งหมดนั้นมีกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ซึ่งหลังก่อเหตุก็ได้รีบหนีออกจากวัดไป เบื้องต้นสอบถามไม่เคยมีใครเคยเห็นหน้าหัวขโมยทั้งหมดมาก่อน จึงคาดว่าหัวขโมยน่าจะมาจากที่อื่น อย่างไรก็ตามจะได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพได้ชัดเจนส่งให้ชุดสบสวนเพื่อติดตามหาตัวหัวขโมยทั้งหมดมาดำเนินคดีต่อไป