โจรบุกเดี่ยวฉกกล่องใส่เงินตู้เอทีเอ็ม ซิ่งจยย.พร้อมเงิน6.7หมื่นหนี

ที่เกิดเหตุบริเวณอาคารจอดรถงามวงศ์วาน2 ด้านล่างซึ่งเป็นที่ตั้งของธนาคารกสิกรไทย มีตู้บริการอัตโนมัติจำนวน 4 ตู้ ตู้ที่2 ที่เป็นตู้รับฝากเงินสดอัตโนมัติ พบ นางจุฑารัตน์ ไตรยวงค์ อายุ 48 ปี แม่บ้านของธนาคาร พร้อมด้วย น.ส.ณัฐพร เกตุสาคร อายุ 26 ปี และ น.ส.ชนมน สุ่มมาตย์ พนักงานธนาคาร ยืนรอให้การด้วยสีหน้าตกใจ

นางจุฑารัตน์ ให้การว่า ตนเองพร้อมด้วยพนักงานของธนาคารอีก 2 คน ทำการไขตู้รับฝากเงินอัตโนมัติ เพื่อนำเงินเข้าไปเก็บรักษา ขณะที่ไขเงินออกจากตู้แล้วและกำลังนำเงินกลับเข้าไปเก็บ มีคนร้ายเป็นชาย สวมเสื้อยืดแขนยาวสีเข้ม กางเกงขายาว สวมใส่หมวกไหมพรมแบบไอ้โม่งปิดบังใบหน้า และใส่หมวกแก็ปสีดำคลุมศีรษะอีกที เมื่อมาถึงก็กระชากกล่องเงินไปจากพนักงานทันที พร้อมพูดว่า "ขอกล่องหนึ่ง" ก่อนจะวิ่งหนีไปขับขี่จักรยายนต์ ไม่ทราบรุ่นและยี่ห้อหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ด้านน.ส.ชนมน พนักงานธนาคารดังกล่าว บอกว่า สำหรับกล่องเงินดังกล่าวเป็นกล่องเงินที่บรรจุธนบัตรฉบับละ 100 บาท โดยเครื่องดังกล่าวจะมีกล่องทั้งหมด 5 กล่อง ใช้บรรจุเฉพาะธนบัตรฉบับละ 100 บาท กล่องที่คนร้ายชิงไปคาดว่ามีเงินประมาณ 67,000 บาท

ในเวลาต่อมา พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 ได้เดินทางไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุด้วยตนเอง พร้อมประสานเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจเก็บหลักฐาน เบื้องต้นสั่งการให้เร่งสอบปากคำพยานและผู้เห็นเหตุการณ์ นอกจากนี้ยังกำชับฝ่ายสืบสวนเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ และตรวจสอบเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี เพื่อลงพื้นที่ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับธนาคารกสิกรไทยมักจะให้พนักงานดำเนินการเติมเงิน และบรรจุเงินที่ตู้เอทีเอ็มด้วยตนเอง และพนักงานส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง จึงทำให้ง่ายต่อการก่อเหตุของผู้ร้าย โดยเมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุลักษณะเดียวกันนี้ที่สาขาเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงหนองบอน เขตประเวศ พื้นที่รับผิดชอบ สน.บางนา ซึ่งครั้งนั้นก็มีคนร้ายก่อเหตุเพียงลำพัง แล้วใช้รถจักรยานยนต์หลบหนีอย่างลอยนวลจนถึงทุกวันนี้ ก่อนจะมาเกิดเหตุซ้ำลักษณะคล้ายกันที่สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดังกล่าว