เร่งสางปมที่ดิน-เส้นทางเงิน โยงการตายเศรษฐีนีชาวอุดรฯ

จากกรณี น.ส.ประภาวรรณ หรือก้อย ใจกล้า อายุ19ปี เข้าร้องทุกข์พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนางมณตา หรือไก่ หยกรัตนกาญ อายุ 56 ปี นายจ้างที่แจ้งความดำเนินคดีพร้อมกับพ่อแม่ข้อหาลักทรัพย์ที่ สน.ประชาชื่น อ้างว่าขโมยทรัพย์สินประกอบด้วยทองคำแท่งและเงินสดรวมมูลค่ากว่า10 ล้านบาท เหตุเกิดตั้งแต่ปี 58 หลังจากกลายเป็นข่าวดัง ปรากฏว่า มีผู้ถูกนายจ้างรายนี้แจ้งความดำเนินคดีอีกหลายคน มีทั้งถูกจำคุกไปแล้วและคดียังอยู่ระหว่างดำเนินคดี ทำให้ชุดสืบสวนสอบสวนกองปราบปรามตรวจสอบข้อมูล รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกนางมณตามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 11 ก.ค. แต่นางไก่เข้าพบพนักงานสอบสวนก่อน ถูกดำเนินคดี 3 ข้อหาฉกรรจ์ โดยเฉพาะข้อหาแอบอ้างเบื้องสูงตาม ม.112 พร้อมส่งฝากขังศาลอาญาและศาลไม่ให้ประกันตัว ส่งเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง
นอกจากนั้น ชุดสืบสวนกองปราบปรามได้สางคดีการเสียชีวิตของนางฉวีวรรณ ตั้งวิริยะกุล เศรษฐีนีเจ้าของสัมปทานการเดินรถที่จ.อุดรธานี หลังปรากฏข้อมูลว่า นางมณตามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (17 ก.ค.) พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผบช.ก. รักษาราชการแทน ผบก.ป. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของนางฉวีวรรณ ตั้งวิริยะกุล ว่าได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.3 บก.ป นำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่จ.สกลนคร และ จ.อุดรธานี ไปสอบปากคำพยานแวดล้อมผู้ที่เกี่ยวข้อง ญาติของนางฉวีวรรณ รวมทั้งสอบปากคำหมออุดม ซึ่งเป็นแพทย์ที่ทำการรักษานางฉวีวรรณ
ซึ่งในการสอบปากคำ หมออุดมได้มอบเอกสารการรักษานางฉวีวรรณให้กับชุดสืบสวนเพื่อคลายข้อสงสัย โดยหมออุดมให้การว่า นางฉวีวรรณได้มารักษาที่คลีนิคด้วยอาการโรคมะเร็งตับ ซึ่งได้ทำการรักษาก่อนวินิจฉัยให้กลับไปบ้านเพื่อพักฟื้น แต่นางฉวีวรรณประสงศ์ขอรักษาพักฟื้นที่คลีนิคจนเสียชีวิต จากนั้น หมออุดมก็ได้นำศพไปที่วัดก่อนทำการณาปนกิจ เนื่องจากไม่สามารถติดต่อญาตินางฉวีวรรณได้

พล.ต.ต.ชาญระบุว่า นอกจากนั้น พนักงานสอบสวนกก.3บก.ป. ยังได้ทำการสอบปากคำนายปิติ ตั้งวิริยะกุล อดีตสามีของนางฉวีวรรณ รวมทั้งขอเอกสารหลักฐานที่คาดว่าจะเชื่อมโยงกับคดีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากการสอบปากคำนายปิติให้การว่ารู้จักกับนางมณตา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อครั้งที่นายปิติได้พามารดารักษา และเมื่อพูดคุยกันสนิทสนมก็เห็นว่าหญิงไก่เป็นคนสุภาพเรียบร้อย นายปิติก็ได้จ้างหญิงไก่มาดูแลปรนนิบัติมารดาของนายปิติ โดยนับถือเคารพกันในฐานะพ่อ-ลูก
ทั้งนี้ ในส่วนประวัติของนายปิติจากคำให้การ นายปิติเคยผ่านการมีลูกมาแล้ว ก่อนที่จะมาแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับนางฉวีวรรณ และประกอบธุรกิจในการสัมปทานเส้นทางการเดินรถระหว่าง กรุงเทพฯ-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ไม่ได้มีทายาทร่วมกัน จนกระทั่งเมื่อประมาณปี 2546 นายปิติก็ได้เดินทางมากับหญิงไก่เพื่อมาติดต่อขอซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว โดยนายปิติให้การว่า หญิงไก่ต้องการที่จะนำที่ดินดังกล่าวไปสร้างสิ่งปลูกสร้างอาศัย ซึ่งก่อนนางฉวีวรรณเสียชิวิต ก็ได้โอนเป็นชื่อนายปิติและหญิงไก่ ก่อนจะถูกขายให้ผู้อื่นในเวลาต่อมา