เปิด!! เส้นทางเบนซ์จากมาเลย์ เลี่ยงภาษี

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) -15 ก.ค. 59 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอแถลงการดำเนินคดีกับขบวนการนำเข้ารถจดประกอบเลี่ยงภาษี ว่า กรณีการตรวจค้นบริษัท เอส เค ที มอเตอร์ จำกัด เลขที่ 125 หมู่ที่ 1 ตำบลบางกระเบา อำเภอบ้านสร้างจังหวัดปราจีนบุรี สืบเนื่องจากกรณีรถยนต์หรูจำนวน 6 คัน ถูกไฟไหม้ที่ตำบลกลางดงอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี 2556 มีบริษัทดังกล่าวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเป็นสถานที่จดประกอบรถยนต์นำเข้าและสำแดงภาษีเท็จ และพบรถยนต์ต้องสงสัยภายในสถานประกอบการจากการสอบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า รถยนต์ยี่ห้อ Mercedes-Benz รุ่น S500 หมายเลขตัวรถ WDD2211712A088582 หมายเลขเครื่องยนต์27396130075861 ซึ่งเป็นรถยนต์ที่อายัดไว้นั้น สถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยได้มีหนังสือแจ้งมายังดีเอสไอว่ามีการจดทะเบียนและแจ้งหายที่ประเทศมาเลเซีย ดังนั้นการนำรถคันดังกล่าวมาสำแดงการนำเข้าแบบแยกชิ้นส่วนจากประเทศเยอรมันแล้วนำมายื่นจดทะเบียนและชำระภาษีเป็นรถจดประกอบ จึงเป็นการทำเอกสารปลอมทั้งหมดขึ้นรองรับเพื่อให้ครบองค์ประกอบในการยื่นจดทะเบียน

พ.ต.ท. กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กล่าวว่า ผลการตรวจสอบของดีเอสไอพบว่า นายบารัน ไนดู กันเนีย (MR. BALAN NAIDU KANNIAH)หนึ่งในขบวนการลักลอบนำเข้ารถผิดกฎหมาย ได้นำรถเบนซ์คันดังกล่าวผ่านเข้ามาในไทยทางด่านศุลกากรสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 4 เม.ย.55 แล้วมีการบันทึกข้อมูลว่า ได้นำรถกลับออกไปทางด่านศุลกากรวังประจัน จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 55 แต่กลับปรากฏข้อมูลว่านายบารัน ได้เดินทางออกไปจากประเทศทางเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภมิ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 เม.ย.55 ดังนั้นเอกสารที่ยื่นจดประกอบรถคันนี้จึงเป็นเอกสารปลอมทั้งหมดได้แก่ 1. เอกสารใบขนสินค้าขาเข้าและเอกสารแนบใบขน(INVOICE) ว่ามีการนำเข้าเครื่องยนต์รถ Mercedes-Benz หมายเลขเครื่องยนต์27396130075861 โดย บริษัท อาร์ เอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิสเซส จำกัด (ปัจจุบันปิดกิจการแล้ว) มีนายวัธนา บุญญพนิช เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน2. ใบขนสินค้าขาเข้าและเอกสารแนบใบขน (INVOICE) ว่ามีการนำเข้าเครื่องยนต์รถ Mercedes-Benzหมายเลขตัวรถ WDD2211712A088582 โดย บริษัท เจ เอ็ม ดับบลิว มอเตอร์ส จำกัด มีนายมานะ สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน

3. เอกสารที่ระบุว่านายศิริเดช วันฤกษ์ ได้เป็นผู้รับซื้อเครื่องยนต์และโครงรถยนต์จากบริษัทผู้นำเข้าทั้งสองรายข้างต้นผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการจัดทำเอกสาร คือ บริษัท อาร์ เอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิสเซส จำกัด โดยนายวัธนา บุญญพนิช และบริษัท เจ เอ็ม ดับบลิว มอเตอร์ส จำกัดโดยนายมานะ สมบูรณ์ทรัพย์พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวอีกว่า ในขั้นตอนยื่นแสดงการประกอบรถยนต์ ต่อกรมสรรพสามิตมีการนำรถยนต์ คันนี้มาไว้ที่ บริษัท เอส เค ที มอเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานประกอบรถยนต์เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการนำโครงรถยนต์และเครื่องยนต์มาประกอบที่บริษัท เอสเค ที มอเตอร์ จำกัด ก่อนที่จะดำเนินการยื่นเอกสารขอเสียภาษีสรรพสามิต โดยมีการจัดทำสัญญาซื้อขายว่านายศิริเดช วันฤกษ์ ได้ขายโครงรถยนต์และเครื่องยนต์ให้กับบริษัทเอส เค ที มอเตอร์ จำกัด

จากการสอบปากคำนายศิริเดช ให้การว่าถูกปลอมลายมือชื่อโดยที่ไม่ทราบเรื่องการนำเข้าและซื้อขายรถยนต์คันนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อบริษัท เอสเค ที มอเตอร์ จำกัด ได้นำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการนำเข้ารถยนต์คันนี้ทั้งหมดไปยื่นต่อกรมสรรพสามิตเพื่อเสียภาษีนั้น กรมสรรพสามิตเห็นข้อพิรุธจึงไม่ยอมรับเสียภาษีให้และบริษัท เอส เค ที มอเตอร์ จำกัด ได้ดำเนินการฟ้องกรมสรรพสามิตต่อศาลปกครองให้รับเสียภาษีสรรพสามิตพ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ขณะนี้ดีเอสไอได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหา 6 ราย ฐานร่วมกันนำหรือพาของที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ ในการนำของที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรไทย หรือเกี่ยวข้องด้วยประการใด ๆ ในการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร ส่วนผู้ต้องหาชาวมาเลเซียอยู่ระหว่างการขออนุมัติหมายจับ สำหรับเจ้าหน้าประจำด่านศุลกากรวังประจัน จ.สตูล ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนต้องรับผิดบ้าง

ทั้งนี้อัตราภาษีที่ต้องชำระจริงในการนำเข้ารถทั้งคันกำหนดไว้ที่ 380% ขณะที่การนำเข้าแบบจดประกอบเสียภาษีสูงสุด 70% ความต่างของอัตราภาษีจึงสร้างความเสียหายแก่รัฐ ทำให้จัดเก็บภาษีไม่ได้เต็มที่ ซึ่งรถซุปเปอร์คาร์จดประกอบทุกคันมีวงจรการกระทำความผิดในรูปแบบเดียวกัน เพราะรถลัมโบกินี เฟอร์รารี่ ใช้เทคโนโลยีการประกอบชั้นสูงไม่สามารถแยกชิ้นนำมาประกอบใหม่ในไทยได้ อีกทั้งการติดตั้งถังแก๊สเพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการยื่นจดประกอบรถ ก็เป็นเพียงการนำถังแก๊สแบบโดนัทเล็กๆมาวางโดยไม่สามารถใช้งานได้จริงอธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการตรวจสอบรถจดประกอบเลี่ยงภาษีกว่า 6,000 คัน รวมถึงรถเบนซ์คลาสสิคของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จฯช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ว่า การกระทำผิดแม้จะมีรูปแบบใกล้เคียงกัน แต่มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในคดีแตกต่างกัน การดำเนินคดีของดีเอสไอจึงใช้มาตรฐานเดียวกัน ตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง โดยคดีเกี่ยวกับรถยนต์มีพยานเอกสารเข้ามาเกี่ยวข้อง เอกสารใดจริงเอกสารใดเท็จจะปรากฎตามสำนวน พนักงานสอบสวนไม่มีเหตุต้องดำเนินการสองมาตรฐาน

"ในส่วนคดีของสมเด็จฯช่วง สำนวนคดีแล้วเสร็จไป 80% ยังเหลือการคำนวณภาษีส่วนที่ชำระไว้ขาด และรอเอกสารสำคัญจากต่างประเทศ เมื่อได้หลักฐานครบถ้วนจะสรุปสำนวน
อย่างไรก็ตาม ในคดีสมเด็จฯช่วงแจ้งข้อหากับผู้นำเข้า ผู้ยื่นเอกสารจดทะเบียนที่ขนส่งและผู้ยื่นชำระภาษี รวม 3 ราย และออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 1 รายส่วนสมเด็จฯช่วงในฐานะผู้ครอบครองรถจะต้องรับผิดในส่วนใดหรือไม่นั้น ต้องรอให้หลักฐานครบสมบูรณ์ก่อนจึงจะพูดได้" อธิบดีดีเอสไอ กล่าว