ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 8 ก.ค. พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดี นางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนางสุชาดา หรือนางวันทนีย์ หยกวิริยะกุล หรือหญิงไก่ อายุ 58 ปี ผู้ต้องหาในความผิดฐานแจ้งความเท็จกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา,พยายามค้ามนุษย์ และความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ภายหลังถูกผู้เสียหายหลายราย ได้แก่ น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า อายุ 19 ปี หรือก้อย พร้อมด้วยบิดาและมารดา คือ นายชูเกียรติ ใจกล้า และนางประภาพร ทองเฟื้อง,น.ส.วณิชยา บุ้นสุนเฮง หรือมีน อายุ 21 ปี ที่ดำเนินการแทนมารดา คือ นางสุกัลยา ศิริม่วง อายุ 54 ปี ที่ถูกคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
รวมถึง น.ส.จันทนา คชคงไทย อายุ 25 ปี หรือหนูนา และนายธนาธิป ศรีสิงห์ อายุ 32 ปี สองสามีภรรยา ชาว จ.แม่ฮ่องสอน ที่ต่างเคยทำงานรับใช้นางมณตา แล้วถูกแจ้งข้อหาลักทรัพย์ เข้าแจ้งความดำเนินคดี ว่า หลังจากได้เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 3/551 คอนโดมิเนียมบ้านประชานิเวศน์ 1 ถนนเทศบาลนิมิตเหนือ ประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.ของนางมณตา ในเบื้องต้นก็พบหนังสือเดินทาง จำนวน 19 ฉบับ เป็นของฉบับเก่าของนางมณตา และครอบครัว 16 ฉบับ ส่วนที่เหลืออีก 3 ฉบับ เป็นของบุคคลภายนอก
พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวว่า ในส่วนของหนังสือเดินทางที่ไม่ใช่ของนางมณตา ทั้ง 3 ฉบับนั้น ทางฝ่ายสืบสวนก็จะติดตามตัวบุคคลทั้ง 3 เพื่อเชิญตัวมาสอบปากคำ สำหรับบัญชีเงินฝากธนาคาร เป็นของนางมณตา 4 บัญชี และเป็นของลูกชายนางมณตา อีก 3 บัญชี โดยมีกระแสเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารดังกล่าวไม่มากนัก ซึ่งก็สามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนในคดีนี้ และคดีอื่นๆ ได้
ต่อข้อถามถึงบุคคลทั้ง 3 ในหนังสือเดินทางที่พบในห้องพักของนางมณตา นั้น เป็นบุคคลใด รอง ผบก.ป.กล่าวว่า ข้อมูลส่วนนี้คงต้องขออนุญาตปกปิดไว้ก่อน แต่บอกได้ว่าหนึ่งในนั้นเป็นของ น.ส.จันทนา คชคงไทย หรือหนูนา หนึ่งในผู้เสียหายที่แจ้งความดำเนินคดีนางมณตา โดยทั้ง 3 รายนั้นเป็นผู้หญิง แต่ในรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวต่อว่า สำหรับหลักฐานอื่นๆ ที่พบนั้น สิ่งผิดกฎหมายไม่มี แต่สภาพแวดล้อมของห้องพักอาศัยหรือสิ่งต่างๆ ที่พบภายนอกห้องพัก ก็ช่วยพิสูจน์ข้อเท็จจริงบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก ขณะที่ทรัพย์สินต่างๆ โดยเฉพาะของมีค่าที่เคยมีการระบุไว้ในการกล่าวหาผู้เสียหาย ก็ไม่พบ ส่วนการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่พนักงานสอบสวนแจ้งและดำเนินคดี เช่น ข้อหาค้ามนุษย์ ทาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ได้กำชับมาแล้ว โดยมอบหมายให้ กก.4 บก.ป.ร่วมกับทาง บก.ปคม.ลงพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน ไปสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการเดินทางของนางมณตา ตามหนังสือเดินทางที่พบมีการเดินทางไปยังประเทศใดบ้าง รอง ผบก.ป.กล่าวว่า ตรงนี้ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างไล่ตรวจสอบหนังสือเดินทางทุกเล่มร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องขอเวลาอีกระยะหนึ่ง ยืนยันว่าคดีนี้นอกจากพยานบุคคลแล้ว พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานอื่นๆ ที่สามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ เมื่อถามถึงการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พ.ต.อ.ชาคริต ยังระบุต่อว่า ในส่วนนี้ก็กำลังดำเนินการ แต่โดยประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิดตามปกติที่ใช้กันอยู่ปัจจุบัน จะดูข้อมูลย้อนหลังได้ประมาณ 30 วัน แต่เหตุเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 คดีของ น.ส.ประภาวรรณ และในเดือนธันวาคม 2558 คดีของ นางสุกัลยา ศิริม่วง ก็คงย้อนไปดูไม่ได้
ต่อข้อถามกรณีที่นางมณตา มีร้านคาร์แคร์ และห้องพักหลายห้อง นั้น พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวว่า เท่าที่ทราบสำหรับคาร์แคร์ดังกล่าว นางมณตา เช่าจากทางนิติบุคคลอาคารชุด ส่วนห้องพักก็เช่าให้ลูกชาย และคนติดตามรับใช้ ได้อยู่อาศัย แต่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของนางมณตา น่าจะเป็นเพียงห้องพักเลขที่ 3/551 เพียงห้องเดียวเท่านั้น แต่รายได้หลักของนางมณตา ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ เมื่อถามถึงพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคดีแอบอ้างเบื้องสูง นั้น มีการเรียกรับผลประโยชน์ด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวว่า ส่วนนี้ยังมีประเด็นที่ต้องตรวจสอบจึงขออนุญาตยังไม่เปิดเผยข้อมูล