หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณเปิดทางใช้มาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กับคดีพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หากมีพฤติการณ์ขัดขืนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ปรากฎว่า ทีมกฎหมายวัดพระธรรมกายได้ติดต่อมายังดีเอสไอ เพื่อสอบถามถึงการเข้ามอบตัวก่อนถูกจับกุมด้วยมาตรา 44 รวมถึงเงื่อนไขในการขอประกันตัวหลังเข้ามอบตัวแล้ว โดยทางวัดยังยืนยันในเงื่อนไขต้องได้รับการประกันตัว เพื่อเลี่ยงการถูกคุมขัง และนำไปสู่การสึกจากความเป็นพระ
นอกจากการดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ในคดีฟอกเงินและรับของโจรและคดีบุกรุกทำลายทรัพยากรกรณีการตั้งสาขาวัดพระธรรมกายในพื้นที่ต่างๆ ดีเอสไอ ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินแล้ว เพราะมีพฤติการณ์เข้าข่ายความผิดที่สามารถยึดและอายัดทรัพย์ได้
มีข้อมูลจากดีเอสไอ ประเมินว่า การดำเนินการทั้งหมดจะมีความชัดเจนหลังวันที่ 13 ก.ค.ซึ่งอัยการกำหนดนัดมีคำสั่งในคดี ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้รับการประสานจากอัยการให้สอบเพิ่มเติมเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงิน เพื่อพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าพระธัมมชโยเป็นผู้รับผลประโยชน์คนสุดท้ายจากเช็คบริจาคจำนวนมาก
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ บอกว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนสำนักคดีการเงินการธนาคารได้เรียกสอบปากคำพระใกล้ชิดกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย 5 รูป ตามประเด็นที่พนักงานอัยการสำนักคดีพิเศษสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงถึงการบริหารงานภายในวัดว่าใครมีหน้าที่อย่างไร พระรูปใดดูแลรับผิดชอบการเงินของวัด
พระทั้ง 5 รูป ประกอบด้วย พระทัตตชีโว, พระถวัลย์ศักดิ์, พระมหาสมชาย, พระครูใบฎีกาอำนวยศักดิ์ มุนิสโก และ พระสุธรรม สุธรรมโม เข้ามาให้ปากคำในวันที่ 8 ก.ค.