พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวกับ PRIMETIME ว่า ได้คาดการณ์แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ เพราะฉะนั้นการต่อต้านจากมวลชนของวัดพระธรรมกายจึงไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย
หากเข้าไปแล้วยังจับไม่ได้ ก็ให้เข้าไปจับกันเรื่อยๆใครขัดขวางก็มีกฎหมายอาญามาตรา 189 เอาผิดได้ ให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปไว้ตามจับทีหลัง เชื่อว่าคงไม่สามารถหนีจากประเทศไปได้ ไปถ่ายรูปทำหลักฐานไว้แล้วค่อยตามจับกันทีหลัง หากเจอตัวที่บ้านก็จับที่บ้าน เจอกลางทางก็จับกลางทาง พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
นั่นเป็นการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ. ไพบูลย์ เพียงหนึ่งวันก่อนปฏิบัติการของดีเอสไอ แต่ก่อนหน้านั้น พล.อ. ไพบูลย์กล่าวกับ PRIMETIME ว่าวัดพระธรรมกายควรจะรู้ดีว่าภาพของความดื้อรั้นและการท้าทายกฎหมายจะมีผลอย่างไรต่อภาพลักษณ์ของวัดและต่อความรู้สึกของคนในสังคม
พล.อ. ไพบูลย์ ยืนยันว่าไม่มีความเกรงกลัวต่อคำขู่ของวัดพระธรรมกายที่จะระดมมวลชนมาขัดขวางการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และท้าทายให้วัดพระธรรมกายทำในสิ่งที่ขู่ไว้ และเมื่อมาถึงจุดนี้ พล.อ. ไพบูลย์ประกาศว่า สังคมจำเป็นต้องมีจุดยืนและต้องเลือกระหว่างกฎหมายกับคนทำผิดกฎหมาย
พระธัมมชโย เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ดีเอสไอได้สรุปสำนวนคดีส่งให้อัยการไปช่วงต้นสัปดาห์โดยมีความเห็นสั่งฟ้องพระธัมมชโย ในข้อหารับของโจร สมคบกันฟอกเงิน และฟอกเงินนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ผู้ต้องหาในคดีเดียวกันนี้ขณะนี้ถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำบางขวาง
หัวหน้าปฏิบัติการเข้าค้นวัดพระธรรมกายวันนี้คือ พ.ต.ต.สุริยาสิงหกมล รองอธิบดี ดีเอสไอ ซึ่งต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากทั้งพระและมวลชนที่ขัดขวางความพยายามที่จะค้นหาตัวพระธัมมชโยเพื่อไปดำเนินคดี
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ รายงานกับ PRIMETIME ว่า เมื่อทางวัดพระธรรมกาย เซ็นรับทราบหมายค้น และยอมรับว่ามีหมายจับพระธัมมชโย แล้ว ก็ย่อมรับรู้ดีว่า การขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่นั้นมีความผิดทางอาญา และการให้ที่พักพิงพระธัมมชโย ก็ถือว่ามีความผิดด้วยเช่นกัน
แต่การนั่งสมาธิขวางทางไม่ให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปถึงชั้นในของวัดนั้น พ.ต.ต.สุริยา ระบุว่า มีการบันทึกภาพเอาไว้หมดแล้ว และจะนำไปตรวจสอบว่า เข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ รวมทั้งพระที่นั่งอยู่บนรถขวางทางเข้าในอีกด้านนั้นก็จะถูกตรวจสอบด้วยเช่นกัน
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ติดตามปฏิบัติการที่วัดพระธรรมกายอย่างใกล้ชิด และเมื่อเห็นว่าเกิดสถานการณ์เผชิญหน้าที่ยืดเยื้อ และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่คงไม่สามารถเข้าถึงตัวพระธัมมชโย ได้ เพราะมีกำแพงมนุษย์ซึ่งมีทั้งพระและผู้สูงอายุขวางกั้นไว้ถึงสามชั้น จึงสั่งให้ยุติภารกิจที่ใช้เวลามากกว่า 6 ชั่วโมง จากนี้ไปจะมีการประเมินแผนใหม่ เพื่อขอหมายค้นจากศาลอีกครั้ง
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ พ.ต.ต.สุริยา มีบทบาทปรากฎต่อสาธารณะ แหล่งข่าวเปิดเผยกับ PRIMETIME ว่า พ.ต.ต. สุริยาเป็นคนที่อธิบดีดีเอสไอให้ความไว้วางใจมากเป็นพิเศษ เป็นลูกหม้อของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งแต่ตั้งหน่วยงานนี้เมื่อปี 2546 ก่อนย้ายไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้ และกลับมาเป็นผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ดูแลเกี่ยวกับงานสืบสวนสอบสวน ปัจจุบันทำคดีที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติกู้ยืมเงิน รวมถึงบริษัทที่กระทำผิดเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่