จากการขุดคุ้ยข้อมูลของเรา พบว่า มีการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผลิตนมเกินโควต้า เพื่อนำส่วนเกินไปจำหน่วยให้กับ 2 ประเทศเพื่อนบ้าน จนทำให้รัฐบาลต้องจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นกว่าปีละ 100 ล้านบาททีเดียว ....ติดตามรายละเอียดได้จากรายงานพิเศษชิ้นนี้PRIMETIME ได้รับข้อมูลว่า นมโรงเรียนของไทยเป็นที่นิยมบริโภคของคนกัมพูชาและสปป.ลาว โดยราคาขายปลีกในท้องตลาดอยู่ที่กล่องละ 17 บาท สูงกว่าราคาที่ผู้ประกอบการส่งให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในราคากล่องละ 7 บาท 8 สิบ 2 สตางค์ หรือ กว่าเท่าตัว
ส่วนต่างราคาขายในประเทศกับต่างประเทศ ดูเหมือนจะเป็นแรงจูงใจสำคัญ ให้เอกชนที่ได้รับสิทธิผลิตนมโรงเรียนหลายรายนำนมกล่องในโครงการนมโรงเรียนไปขายในประเทศเพื่อนบ้านPRIMETIME ยังได้รับข้อมูลว่า ประเด็นสำคัญที่ทำให้นมโรงเรียนทะทะลักไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน คือ ในภาคเรียนที่ 1 ปี 2259 มีการจัดสรรโควต้าให้เอกชนเกินจำนวนนักเรียนที่มีอยู่จริงในการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์แนวทางปฏิบัติและการจัดสรรสิทธิจำหน่าย รอบที่ 2 เมื่อ วันที่ 29 เมษายน 2559 องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค. ได้สรุปจำนวนนักเรียนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียน ปีการศึกษา 2559 มีทั้งสิ้น 7 ล้าน 4 แสนคน ในจำนวนนี้เป็นนักเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. กว่า 4 ล้าน 2 แสนคน
ขณะที่ผู้แทน สพฐ. แย้งว่าจำนวนนักเรียนในสังกัด สพฐ. ที่ อ.ส.ค. เสนอมานั้น เป็นตัวเลข สูงกว่าตัวเลขนักเรียนในฐานข้อมูลของ สพฐ. 8 หมื่น 2 พัน 7 ร้อย ยี่สิบ 9 คน แต่ อ.ส.ค.ไม่ได้มีการแก้ไขตัวเลขให้ตรงกับข้อมูลของสพฐ.2 พฤษภาคม 2559 อ.ส.ค. เสนอจำนวนนักเรียนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียน ที่ยังไม่ได้แก้ไขให้ คณะกรรมการโคนมและผลิตณฑ์ภัณฑ์นม หรือ มิลล์บอร์ พิจารณา และมิลล์บอร์ดก็อนุมัติตามที่ อ.ส.ค. เสนอตัวเลขนักเรียนที่สูงกว่าความเป็นจริง ทำให้ปริมาณนมในโครงการนมโรงเรียนที่รัฐต้องซื้อในแต่ละวันเพิ่มขึ้นกว่า 122 ตันต่อวัน คิดเป็นงบประมาณที่รัฐบาลต้องจ่ายเพิ่มกว่าปีละ กว่า 100 ล้านบาท
นมโรงเรียน 1 กล่องจะมีต้นทุนการผลิต ประมาณ 5 บาท ถึง 5 บาท 50 สตงค์ ขณะที่ราคากลางรับซื้อจะอยู่ที่ 7 บาท 82 สตางค์ต่อกล่อง และ 6 บาท 72 สตางค์ต่อ นั่นหมายความว่าเอกชนที่ได้สิทธิจำหน่ายนมโรงเรียนจะมีกำไร 2 บาท 32 สตางค์ต่อกล่อง และ 2 บาท 82 สตางค์ถ่อถุงนมโรงเรียนที่เกินมา ดูเหมือนจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการ เพราะสามารถระบายนมดิบเข้าระบบนมโรงเรียนได้เพิ่มมากขึ้น ไม่ต้องเหนื่อยทำตลาดเอง
แต่การตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณที่เข้มงวดของทำให้องคกรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่กล้าใช้งบเกินจริง ส่งผลให้เอกชนหลายรายที่ได้รับสิทธิจำหน่ายนมโรงเรียน ไม่สามารถระบายนมส่วนเกินเข้าโครงการนมโรงเรียนได้ จนเป็นเหตุให้ ผู้ประกอบการบางรายนำนมกล่องในโครงการนมโรงเรียนที่ผลิตเกินไปขายในต่างประเทศ