ผวจ.ภูเก็ตเปิดศูนย์ช่วยเหลืออุบัติเหตุ นทท.เรือชน

ความคืบหน้ากรณีเรือสปีดโบ๊ทขนาดใหญ่ ซึ่งเดินทางออกจากท่าเทียบเรือใน จ.ภูเก็ต เพื่อไปท่องเที่ยวอ่าวพังงา และเกาะพีพี จ.กระบี่ เกิดอุบัติเหตุชนกันบริเวณหินมูสัง ด้านใต้เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาวจ.พังงา ห่างจากเกาะภูเก็ต ประมาณ30ไมล์ทะเล ทราบชื่อเรือ ช.หงษ์ฟ้า 20 บรรทุกผู้โดยสาร (นักท่องเที่ยว ) 26 คน ซึ่งบาดเจ็บเล็กน้อย โดยได้นำเรือและนักท่องเที่ยวกลับเข้าฝั่งเรียบร้อย กับ เรือชลกิต 856 จำนวนผู้โดยสาร (นักท่องเที่ยว) 36 คน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ Miss.Yan Yang อายุ 26 ปี สัญชาติจีน กับ Mr.Liang Guomfu อายุ 62 ปี สัญชาติจีน และมีผู้บาดเจ็บ 34 ราย ทั้งนี้มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 18 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระ จำนวน 6 ราย โรงพยาบาลมิชชั่น จำนวน 9 ราย และโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต 3 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการดูแลของแพทย์และพยาบาล ไม่มีผู้สูญหาย

ล่าสุด นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังเปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดภูเก็ต และมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ อาทิ ตำรวจน้ำภูเก็ต, ทัพเรือภาคที่ 3,ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 18, ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ภูเก็ต, ศูนย์นเรนทร โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต, มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต, ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว อบจ.ภูเก็ต เป็นต้น รวมถึงในส่วนของเรือภาคเอกชนที่อยู่บริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุ ได้ร่วมกันทำการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวกลับขึ้นฝั่งได้ทั้งหมด โดยไม่มีผู้สูญหายแต่อย่างใด โดยใช้เวลาในการปฏิบัติการประมาณ 2 ชั่วโมง

เรือที่เกิดเหตุทั้ง 2 ลำออกจากท่าเทียบเรือในจังหวัดภูเก็ตเพื่อนำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวอ่าวพังงา และเกาะพีพี จ.กระบี่ สาวนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้มาจากความประมาทของคนขับเรือ ซึ่งจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจพิสูจน์หาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง และจากเหตุการณ์ครั้งนี้เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง ที่เหลือได้รับบาดเจ็บหนักบ้างเบาบ้าง และอยู่ในการดูแลของแพทย์ ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลอย่างเต็มที่ จากการสอบถามทางบริษัทนำเที่ยวที่ดูแลนักท่องเที่ยวของเรือทั้งสองลำ ทราบว่ามีการทำประกันภัยด้วย นายจำเริญ กล่าว

นายจำเริญ กล่าวด้วยว่า ทางจังหวัดภูเก็ตได้มีความเข้มงวดการสัญจรทางน้ำมาโดยตลอด เน้นการสวมใส่เสื้อชูชีพเป็นหลัก และถือเป็นนโยบายสำคัญ หากฝ่าฝืนละเลยเจ้าของบริษัทต้องรับผิดชอบ รวมถึงมาตรฐานของเรือ คนขับเรือ และพนักงานประจำเรือ ซึ่งที่ผ่านมามีอบรมและประชุมชี้แจงกันมาโดยตลอด และจะเข้มงวดกันต่อไป นอกจานี้ยังเน้นให้มีการติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพื่อเก็บข้อมูลผู้ลงเรือทุกคน รวมทั้งรายชื่อข้อมูลบุคคล ซึ่งจะทำให้ทราบชื่อของผู้เกิดเหตุได้ทันที ซึ่งจะดำเนินการให้ครบทุกท่าเทียบเรือ และจะเดินหน้าต่อไป

ในส่วนของการเพิ่มความเข้มงวดเรือนำเที่ยวเนื่องจากระยะนี้ในทะเลอันดามันจะเป็นช่วงมรสุมนั้น นายจำเริญ กล่าวว่า ทางตำรวจน้ำและเจ้าท่าฯ มีเครือข่ายในแจ้งเตือน และเฝ้าระวัง รวมทั้งเน้นย้ำมาตรการเรื่องความปลอดภัยตลอดเวลา เพราะค่อนข้างมีความเสี่ยง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากความประมาทของคนขับเรือ เพราะไม่ได้อยู่ในประกาศห้ามเรือออกจากฝั่ง จึงมีเรือสามารถวิ่งได้ตามปกติ แต่หากมีความระมัดระวังและไม่ประมาทก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความสูญเสียขึ้น ซึ่งจะเข้มงวดกันต่อไป หลังจากนี้ก็จะได้เรียกผู้ประกอบการ คนขับเรือ และพนักงานประจำเรือ ซึ่งก็จะต้องอบรมกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม นายจำเริญ กล่าวด้วยว่า บริเวณจุดเกิดเหตุในครั้งนี้ เคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าท่าฯ เข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด และก่อนที่จะเกิดเหตุในวันนี้ (8 มิย.) ก็ได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเล หากเป็นพื้นที่เฉพาะที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยจะให้เจ้าหน้าที่ทางวิชาการเข้าไปดูในรายละเอียดว่าเพราะอะไรและต้องหาข้อสรุปให้ได้ รวมถึงการวางแนวทางในการแก้ปัญหาในอนาคตด้วย
ด้าน พ.ต.ท. ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รอง ผกก.8 กองบังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยว่า เบื้องต้นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ น่าจะมาจากปัญหาคลื่นลมแรงที่เกิดขึ้นภายหลังเรือออกจากท่าไปแล้ว และจากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้สูญหายในทะเล เนื่องจากจังหวัดภูเก็ต ได้วางมาตรการเข้ม กำหนดให้ผู้ประกอบการเรือ คนเรือ ได้แนะนำให้นักท่องเที่ยว และผู้โดยสารทุกคนสวมเสื้อชูชีพก่อนลงเรือ และขณะอยู่บนเรือ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งจะเห็นได้จากนักท่องเที่ยวที่ได้รับการช่วยเหลือทุกคนสวมใส่เสื้อชูชีพ ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย คาดว่าน่าจะเกิดแรงกระแทกของเรือที่ชนกัน