ตำรวจสรุปยืนยัน พ่อข่มขืนลูก 8 ขวบ ส่งฟ้องศาล 24 ก.ค.59

วันที่ 7 มิ.ย. พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กล่าวว่า จากกรณีทีน้องหนูนา วัย 8 ขวบ ถูกบังคับเอาสารแอฟเฟตามีนเข้าสู่ร่างกายจนเกินขนาด หรือมากกว่า 1 พันนาโนกรัม และมีการล่วงละเมิดทางเพศ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการสรุปข้อเท็จจริงทั้งจากแพทย์ และพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า เด็กไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศจนตาย แต่ได้รับสารแอฟเฟตามีนมากเกินขนาดที่ร่างกายจะรับได้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ารับสารแอฟเฟตามีนนานแค่ไหน ซึ่งผลของการตรวจดีเอ็นเอและพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ตามที่กล่าวคือ กว่าร้อยละ 80 แล้ว ซึ่งยังต้องรออีกไม่มากแค่ประมาณ 20% เท่านั้น

และพบว่าพยานหลักฐานที่ออกมายืนยันได้ว่า ผู้ต้องหาที่สองซึ่งเป็นพ่อเด็กเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากที่สุด แต่พยานหลักฐานเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นหลักฐานที่ออกมาจากแพทย์ สามารถมัดตัวผู้ต้องหาที่สอง ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเพื่อนของพ่อเด็ก นอกจากคำบอกเล่าของเด็กก่อนเสียชีวิตแล้ว ยังไม่มีหลักฐานอื่นใดเชื่อมโยงได้ว่าล่วงละเมิดทางเพศเด็ก แต่จะเชื่อมโยงในส่วนไหนอีกบ้างหรือไม่ อย่างไร ยังต้องตรวจสอบ เพราะเบื้องต้นหลังเกิดเหตุไม่มีประจักษ์พยาน มีก็มีตอนหลังแล้ว โดยการให้ปากคำซัดทอดของเด็กหญิงเคราะห์ร้ายก่อนเสียชีวิต

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องวิเคราะห์ว่าน่าเชื่อถือได้หรือไม่เพียงไร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ยืนยันว่าผู้ต้องหารายที่ 1 ซึ่งเป็นเพื่อนพ่อของเด็กจะไม่มีความผิด หรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องรอพยานหลักฐานชุดสุดท้ายที่เหลือ 20% ออกมาให้ครบก่อน จึงจะสรุปได้ว่า ผู้ต้องหารายที่ 1 เกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ ขณะเดียวกันผู้เสียหายยืนยัน จำเป็นต้องให้ความเป็นธรรม ตำรวจก็ต้องหาพยานหลักฐานว่าเขากระทำความผิดในส่วนไหนอย่างไรหรือไม่ ซึ่งขณะนี้พยานหลักฐานต่างๆ ที่จะเอาผิดคนร้ายนั้นทีเพียงพอแล้ว แต่ต้องรอให้สมบูรณ์ในทุกอย่าง โดยจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ เชื่อว่าจะสามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้อย่างแน่นอน

พล.ต.ต.ดาวลอย กล่าวอีกว่า ขอให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานเพียงพอที่จะมัดตัวคนร้ายได้ ขอให้มั่นใจในการวิเคราะห์ของคณะทำงาน ทั้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจหลายส่วน แพทย์ ซึ่งได้รวบรวมหลักฐาน เทคนิคทุกชนิด ไม่ใช่เฉพาะดีเอ็นเอ และท้ายที่สุดเชื่อว่าจะสามารถสรุปคดีได้ไม่เกิน 24 กรกฎาคม ก่อนครบกำหนดส่งสำนวนคดีให้อัยการพิจารณาฟ้องศาลแน่นอน