พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาเกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวพรางตัวปีนฝ้าเพดาน เข้าไปลักทรัพย์ตามร้านขายโทรศัพท์มือถือตามตลาดนัดและอาคารพาณิชย์ในพื้นที่บางกระดี่ บางบอน เพชรเกษม อ้อมใหญ่ และบางใหญ่ หลายครั้งโดยลงมือช่วงกลางดึกที่ร้านยปิดแล้วโดยลักทรัพย์มือถือกว่า 200 เครื่องในช่วง 2 เดือน จากแผนประทุษกรรมดังกล่าวทำให้เจ้าของร้านขายโทรศัพท์มือถือพากันหวาดผวา เนื่องจากมูลค่าความเสียหาย แต่ละรายที่ถูกลักทรัพย์เอาไปมีจำนวนมากถึงหลักแสนบาท
ผบก.น.8 กล่าวต่อว่า ฝ่ายสืบสวน บก.น.8 จัดกำลังติดตามพฤติกรรมคนร้ายจนทราบว่าเป็น นายสมคิด และพบนายสมคิด เข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง โดยตระเวนเปิดห้องเช่ารายวันพักอาศัยไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง กระทั่งล่าสุดเปิดห้องพักที่อาคารซีบีแมนชั่น ซอยเทียนทะเล 6 ชุดจับกุมจึงนำหมายจับเข้าตรวจค้นห้องพักจับกุมตัวได้ในที่สุดพร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 31 เครื่อง จากการสอบสวนนายสมคิด ยอมรับว่า เรียนจบป.6 เคยรับจ้างทำงานก่อสร้าง แต่ทนสภาพความเป็นอยู่ของคนงานไม่ไหว เลยเบนเข็มมาเป็นโจรลักทรัพย์ อาศัยความที่ตัวเองชอบดูหนังแอคชั่นต่างประเทศ จึงหาหน้ากาก หมวกแก๊ป ปลอกแขนมาสวมใส่ พร้อมอุปกรณ์เชือกสำหรับโรยตัว
คนร้ายจะตระเวนดูลาดเลาตามร้านมือถือ เลือกร้านที่ฝ้าเพดานเจาะได้ แล้วลงมือก่อเหตุกลางดึก โดยโรยตัวลงไปลักเอามือถือใหม่และมือ 2 คุณภาพดีั เลือกเฉพาะระบบแอนดรอยด์ ยี่ห้อตลาดนิยม นำไปขายต่อตามร้านตู้กระจกรับซื้อเครื่องละ 3,500-7,000 บาท หาเงินใช้จ่าย เที่ยวเตร่ และเปิดห้องพักรายวันใช้ชีวิต เรื่อยเปื่อยจนเงินหมด แล้วค่อยหาช่องทางลงมือก่อเหตุหาเงินมาใช้ใหม่ ผบก.น.8 กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ประสงค์ กล่าวว่า จากการขยายผลตามแผนประทุษกรรมของ นายสมคิด พบว่าเคยตระเวนโรยตัวลักทรัพย์มือถือตามร้านต่างๆ ข้างต้นทำมาแล้ว 11 ครั้ง ได้ของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือระบบแอนดรอยด์ โดยเฉพาะในพื้นที่ สน.แสมดำ นายสมคิด ก่อเหตุเอามือถือไปได้ 79 เครื่อง โดยสาเหตุที่เลือกเฉพาะระบบแอนดรอยด์ เพราะกลัวว่าหากลักเอาโทรศัพท์ไอโฟนแล้วจะถูกตามจับกุมตัวได้ง่าย โดยจะสอบสวนขยายผลไปยังร้านรับซื้อโทรศัพท์ที่นายสมคิดเอาไปขายต่อ