ที่ สน.สายไหม เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 มิ.ย. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผบก.ทท. พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผกก.สน. สายไหม พ.ต.ท.ศรายุทธ บุญธรรม รอง ผกก.สส.สน.สายไหม ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวนายกชกร มุสิกะพุกก์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 ซ.พหลโยธิน 54/1 แยก 8-5 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ จ.544/2559 ลงวันที่ 1 มิ.ย.2559 โดยจับกุมได้ที่บ้านพักเลขที่ 118/25 ซ.สายไหม 6 แยก 3 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม. หลังผู้ต้องหาถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงไว้ที่ บก.ปอท. เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 59 ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่นิติกร สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.สายไหม โดยระบุว่า หจก.มิกซ์ทราเวล ซึ่งประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตาม พ.ร.บ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2552 ทาง บก.ทท. มีหน้าที่โดยตรงกับคดีดังกล่าวจึงประสานทางฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม เข้าทำการจับกุมนายกชกร ได้ที่บริษัทในซอยสายไหม 6 แยก 3
นายกชกร รับสารภาพว่า ตนทำงานเกี่ยวกับบริษัททัวร์ต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2526 โดยตนได้รับงานมาว่ามีกลุ่มทัวร์จำนวน 31 คน จะเดินทางไปเที่ยวยุโรป 3 ประเทศ โดยตนเสนอราคา 73,000 บาท ต่อคน โดยราคานี้รวมค่าเครื่องบินตลอดการเดินทาง ค่าโรงแรมและค่าอาหาร ตลอด 8 วันแล้ว โดยตนยอมรับว่าหมุนเงินไม่ทัน จึงตัดสินใจยกเลิกที่พักโรงแรมในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และประเทศอิตาลี โดยโทรไปแจ้งลูกทัวร์บางรายแล้วว่าจะชดใช้เงินคืนให้
ด้านน.ส.อรทัย แซ่ตั้ง อายุ 41 ปี ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว กล่าวว่า กลุ่มทัวร์ทั้ง 31 คนเดินทางไปเที่ยวยุโรปทั้ง 3 ประเทศ คือประเทศเยอรมนี ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และประเทศอิตาลี รวม 8 วัน เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 59 โดยขึ้นเครื่องสายการบินโอมานแอร์ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีนายกชกร มาเป็นตัวแทนส่งขึ้นเครื่องด้วย เมื่อไปถึงประเทศเยอรมนีไม่ได้มีปัญหาอะไร
แต่เมื่อเดินทางไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้นโดยร้านอาหารตามโปรแกรมทัวร์ต้องย้ายไปอีกร้านหนึ่งไม่ได้เป็นตามที่ตกลงไว้ รวมทั้งที่พักก็ถูกทางโรงแรมแจ้งว่าทางบริษัททัวร์ไม่ได้จ่ายเงินให้ตามที่ตกลงกันไว้ ตนและสมาชิกกลุ่มทัวร์คิดว่าถูกลอยแพแล้วจึงวางแผนกันเที่ยวต่อให้ครบโปรแกรมโดยควักเงินตัวเองใช้จ่ายในส่วนค่าที่พัก อาหาร ส่วนตั๋วเครื่องบินยังสามารถใช้เดินทางได้จนถึงประเทศอิตาลี เมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทยก็ได้แจ้งดำเนินการเอาผิดกับบริษัททัวร์ดังกล่าว
นางอรทัย กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมามีเพื่อนในกลุ่มตนเคยใช้บริการบริษัททัวร์ดังกล่าวเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นเช่นกันแต่ไม่ได้มีปัญหาอย่างใด ประกอบกับทางบริษัทดังกล่าวให้ราคาเป็นที่น่าพอใจจึงไม่คิดว่าจะเกิดปัญหา ส่วนตัวตนไม่รู้สึกเสียดายเงินมากนักแต่เสียความรู้สึกมากกว่า โดยเฉพาะรู้สึกเห็นใจคนในกลุ่มทัวร์บางคนที่เก็บเงินเพื่อมาเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวเป็นครั้งแรกกลับต้องมาเจอเหตุการณ์ซึ่งไม่เป็นที่น่าจดจำ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์นี้นายกรกช ได้เงินไปกว่า 2,200,000 บาท และสร้างความเสียหายให้กับลูกทัวร์รวมกว่า 400,000 บาท และสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จึงขอแจ้งกับประชาชนว่าขณะนี้มีทัวร์ให้เลือกใช้บริการมากมายตามอินเทอร์เน็ต ซึ่งตรวจสอบยาก ขอให้ตรวจสอบให้ดีก่อนใช้บริการ ซึ่งจากกรณีดังกล่าวผู้ต้องหาใช้ช่องทางจากเฟซบุ๊กเป็นหลัก และให้ราคาที่ถูกกว่าทัวร์อื่นๆ เป็นการเรียกลูกค้า
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สายไหม แจ้งข้อหาประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้อนุญาติจากนายทะเบียน ก่อนส่งพนักงานสอบสวนบก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป หากกรณีดังกล่าวเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
