รายการ "PRIMETIME กับ เทพชัย" : งัด ม.157 กดดันคณะสงฆ์จัดการธัมมชโย

กลายเป็นประเด็นร้อน สำหรับการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ออกหมายจับ ในคดีสมคบฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร กรณีรับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
แม้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ได้ระบุถึงอำนาจหน้าที่ของมหาเถรสมาคมไว้อย่างชัดเจนว่า มหาเถรสมาคม มีอำนาจหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา

แต่ในการประชุมมหาเถรสมาคมเมื่อวานนี้ กลับละเลยอำนาจหน้าที่ โดยไม่ได้นำเรื่องสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการสงฆ์เข้าสู่การพิจารณา โดยให้เหตุผลว่า คดีดังกล่าวควรเริ่มมาจากระดับเจ้าคณะจังหวัด ไม่ใช่ข้ามขึ้นไปที่มหาเถรสมาคม
อย่างไรก็ตาม หากจะย้อนไปในอดีต เมื่อปี 2541 พระธัมมชโยถูกกล่าวหาว่า ยักยอกเงินและที่ดินที่บรรดาญาติโยมบริจาคให้วัด ครั้งนั้นแม้กองปราบปราม จะนำกำลังคอมมานโดเข้าล้อมจับพระธัมมชโย ที่วัดพระธรรมกาย แต่ก็ต้องเผชิญกับลูกศิษย์ที่รวมตัวกันเป็นโล่มนุษย์ จนต้องถอยกลับ ก่อนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการขณะนั้น ต้องขอหารือกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวสวัดชนะสงคราม ซึ่งเป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และเป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าคณะภาค 1 กำกับดูแลวัดพระธรรมกาย สั่งการให้พระธัมมชโยมามอบตัว ถ้าไม่มามอบตัวต้องสึก ทำให้ พระธัมมชโย ยอมมามอบตัว พร้อมกับเงื่อนไขว่า เมื่อมอบตัวแล้วต้องให้ประกันทันทีภายในวัดชนะสงคราม

จะเห็นว่าการดำเนินการของดีเอสไอครั้งนี้ ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อปี 2541 เพียงแต่คณะสงฆ์ที่มีอำนาจอยู่ในขณะนี้ จะสนองตอบต่อความพยายามดำเนินการตามกฎหมาย ของดีเอสไอ หรือไม่เท่านั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.ไพสิฐ.วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ บอกว่า จากการหารือกับพระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อขอให้ช่วยดำเนินการให้พระธัมมชโย เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยไม่ต้องใช้กำลังจับกุมตามหมายจับ ซึ่งพระเทพรัตนสุธี ก็เข้าใจ และรับจะเป็นผู้ประสานดำเนินการในฐานะเจ้าคณะปกครองทางสงฆ์ให้ โดยขอเวลาดำเนินการ ซึ่งเป็นไปตามที่ที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกไว้ว่า ขณะนี้มีพระผู้ใหญ่ทุกลำดับชั้นลงมาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ช่วยประสานงาน สั่งการ ซึ่งผลการพูดคุยเป็นไปด้วยดี

นอกจากแนวทางที่จะได้ตัวพระธัมมชโย โดยอาศัยอำนาจการปกครองสงฆ์แล้ว ดีเอสไอ ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะอาศัยอำนาจตามกฎหมาย โดยการใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 189 หากใครให้ที่พักพิงหรือช่วยเหลือผู้ต้องหาก็จะถูกดำเนินคดีด้วย
นอกจากนี้จากการที่ ดีเอสไอทำหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มหาเถรสมาคม และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่พระสังฆราช ซึ่งเป็นเจ้าคณะปกครองทางสงฆ์ตามลำดับชั้น เพื่อแจ้งให้รับทราบว่าพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาแล้ว โดยดีเอสไอต้องการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง จึงขอให้คณะสงฆ์ผู้ปกครองปฏิบัติตาม พ.ร.บ.สงฆ์ ซึ่งคณะสงฆ์ผู้ปกครองมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หากหลีกเลี่ยงไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายจะต้องรับผิดเสียเอง ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังพร้อมให้การสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ 4 กองร้อย หรือ 600 นาย ในการปฏิบัติหน้าที่เข้าจับกุมดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ด้วย
สำหรับบรรยากาศที่วัดพระธรรมกายตลอดทั้งวันนี้ ยังคงมีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก เดินทางเข้ามาปฏิบัติธรรม พร้อมปกป้องพระธัมมชโย ขณะที่การรักษาความปลอดภัย ทางวัดยังเข้มงวดประตูเข้าออก ทั้งที่ใช้งานตามปกติและประตูที่ไม่ใช้งาน โดยเฉพาะประตูที่ 7 ที่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไป

ภายในวัด ในส่วนแรกที่ประกอบด้วย วิหารคต สภาธรรมกายสากล มหาธรรมกายเจดีย์ มหาเจดีย์แห่งพระรัตนตรัย และสำนักสื่อสารองค์กร ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง มารักษาความสงบ และคัดกรองคนเข้าออกภายในวัด
ส่วนประตูที่ไม่ได้เปิดให้ใช้ จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ของวัด ดูแลอย่างเข้มงวดเช่นกัน ในส่วนพื้นที่ที่ 2 ประกอบด้วย พระอุโบสถ อาคาร100 ปีคุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง กุฏิพระเทพญาณมหามุนี และอาคารที่พักของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีประตูเข้าออกอยู่ทางด้านถนนเลียบคลองสาม หน้าพระอุโบสถวัดพระธรรมกาย ยังคงมีรถแบ็กโฮ 2 คันจอดปิดกั้นประตูอยู่