นายกีรติ เปิดเผยว่า ครอบครัวตนมีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ซึ่งนางดวงใจเป็นพี่สาวคนโตและพี่น้องอีก 2 คนเสียชีวิตไปแล้ว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่ได้พบเจอมารดามาเกือบ 2 อาทิตย์ ภายหลังทราบว่านางดวงใจซึ่งเป็นพี่สาวที่ตนมีความเชื่อว่าไม่ใช่พี่สาวโดยสายเลือดตั้งแต่กำเนิด นำตัวออกจากโรงพยาบาลวิชัยยุทธ และหลังจากนั้นไม่บอกสถานที่ให้ตนรับรู้และกีดกันไม่ให้พบกับมารดา ซึ่งตนต้องการเรียกร้องให้นำมารดากลับคืนมาอยู่กับตนที่บ้าน ย่านประดิพัทธ์ กรุงเทพมหานคร ให้ญาติพี่น้องคนอื่นๆสามารถมาดูแลแม่ได้ทั้งหมด
ก่อนหน้านั้นวันที่น้องชายผมเสียชีวิต นางดวงใจเอากระดาษเปล่ามาให้เซ็น ภายหลังทราบว่าเอกสารนั้นเป็นเอกสารในการขอจัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีประมาณ 300 ล้านบาท ผมจึงยื่นเรื่องต่อศาล เพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดกรวมถึงเป็นผู้อภิบาลมารดาร่วมกัน หลังจากนั้นพบว่ารายการทรัพย์สินหลายอย่างถูกนางดวงใจขายไปและพยายามเอาแม่ไปดูแลอย่างทิ้งๆขว้างๆ ซึ่งสาเหตุที่นำตัวแม่ไปนั้นผมคาดว่าน่าจะมาจากนางดวงใจต้องการสมบัติที่เหลือของแม่ให้ตกเป็นของตัวเอง นายกีรติ เปิดเผย
นายกีรติ ยังเปิดเผยอีกว่า ที่มาเรียกร้องต่อสื่อมวลชนเพื่อต้องการให้นางดวงใจนำแม่มาอยู่ในบ้าน ที่กรุงเทพมหานคร ญาติสามารถมาดูแลได้ ซึ่งอยากขอความช่วยเหลือจาก พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นรุ่นพี่โรงเรียนเก่า เข้ามาช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อยุติเรื่องราวทั้งหมด โดยภายหลังจากนึ้จะตั้งทนายความเพื่อขอยื่นเรื่องเป็นผู้จัดการมรดก ที่ยังเหลืออยู่ขณะนี้ดว่า 300 ล้านบาท และเป็นผู้อภิบาลดูแลแม่แต่เพียงผู้เดียว