การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนามคิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม เป็นการพบกันระหว่าง "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์ พบกับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ในนัดส่งท้ายในบ้าน โดยเกมนี้มีชื่อของ แอนดี้ คิง และเจมี่ วาร์ดี้ ดาวยิงตัวเก่ง ที่พ้นโทษแบนกลับมาลงสนามอีกครั้ง
เกมเริ่มมาได้เพียง 5 นาที เป็นฝั่งเจ้าบ้านที่มาได้ประตูขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ ริยาด มาห์เรซ ฉวยโอกาสทุ่มบอลเร็วทางฝั่งขวาให้ แอนดี้ คิง เปิดบอลให้ เจมี วาร์ดี้ ยิงระยะเผาขนให้ เลสเตอร์ ออกนำ 1-0
ถัดมานาทีที่ 33 เจ้าบ้านมาได้ประตูที่สองสอง จากจังหวะที่ เลห์ตัน เบนส์ สกัดบอลมาเข้าทาง แอนดี้ คิง ยิงให้เลสเตอร์ หนีห่างเป็น 2-0 และจบครึ่งแรกลงที่สกอร์นี้กลับเข้าสู่ครึ่งหลัง ในนาทีที่ 65 เลสเตอร์ มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ วาร์ดี้ โดน แม็ทธิว เพนนิงตัน ทำฟาวล์ล้มลงในเขตโทษ และก็เป็น วาร์ดี้ ที่รับหน้าที่สังหารเองไม่พลาด เจ้าบ้านนำห่างเป็น 3-0
จากนั้น ในนาทีที่ 72 เจ้าบ้านมาได้จุดโทษอีกครั้ง จากจังหวะที่ เจฟฟรีย์ ชลูปป์ โดน ดาร์รอน กิ๊บสัน เสียบสกัดจนล้มลงไป แต่คราวนี้ วาร์ดี้ กลับยิงบอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
แต่แล้วในนาทีที่ 88 ทีมเยือน ก็ได้ประตูตีไข่แตก จากความสามารถเฉพาะตัวของ เควิน มิราลลาส ที่หลุดไปยิงสวนตัว แคสเปอร์ ชไมเคิล เข้าไป ช่วยให้เอฟเวอร์ตัน ไล่มาเป็น 1-3
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูกันเพิ่ม จบเกมเลสเตอร์ ซิตี้ เก็บชัยชนะเหนือ เอฟเวอร์ตัน ไปด้วยสกอร์ 3-1 มีคะแนนเพิ่มเป็น 80 แต้ม ฉลองแชมป์หลังเกมอย่างยิ่งใหญ่
ในเกมนัดสุดท้ายทีม "จิ้งจอกสยาม" จะมีคิวบุกไปเยือน เชลซี ในวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ค.นี้ เวลาสามทุ่มตรง
I think someone must have put a spell on me to make all this happen - Jamie Vardy pic.twitter.com/ye3n64AH5t Premier League (@premierleague) May 7, 2016
- ผู้ประกาศข่าว NBT ติดเชื้อ "โควิด" ขอโทษที่ทำให้วุ่นวาย พร้อมเผยไทม์ไลน์
- ประธานสภาฯ ยื่นศาล รธน. วินิจฉัยคุณสมบัติ "สิระ"
- รองผู้ว่าฯกทม. เผยเคส "ดีเจมะตูม" พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 5 ราย