ญาติผู้เสียหาย ร่วมทำบุญสุสานเผานั่งยาง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พ.ค.2559 นายทองแดง อินทศรี อายุ 60 ปี ชาวบ้านโพนงาม ต.ทรายขาว อ.วังสะพุง จ.เลย พร้อมญาติๆ นำภาพถ่ายของนายแสวง อินทบุญศรี ลูกชายคนโต ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.2555 เดินมาร่วมในพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศล ที่จัดขึ้นภายในสุสานเผานั่งยาง ในอุทยานแห่งชาติเขือน้ำ ป่าโคกเฒ่าคำภา บ้านคำบอนเวียงชัย อ.บ้านผือ จ.ขอนแก่น เพราะเชื่อว่าลูกชายที่หายตัวไปอาจถูกอุ้มฆ่า และอาจถูกนำศพมาเผาทำลายที่นี่

นายทองแดง เล่าว่า นายแสวง ซึ่งเป็นลูกชายของตนได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.2555 หลังจากที่ขับรถจักรยานยนต์แบบช๊อปเปอร์เพื่อออกไปเข้าเวรที่ อบต. ทรายขาว เนื่องจากลูกชายเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ที่นั้น ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดเก็บภาษีรายได้ โดยทำงานอยู่ที่นั้นมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว เมื่อลูกชายหายไป ตนและญาติได้ออกตามหาตั้งแต่วันแรก แต่ก็ไม่พบเบาะแสว่าหายไปไหน จึงเข้าแจ้งความคนหายกับสถานีตำรวจในท้องที่ ในวันที่ 21 เม.ย 2555 และได้ออกตามหามาเรื่อยมา กระทั้งหลังจากนั้น 11 เดือน มีชาวบ้านไปพบรถจักรยานยนต์ที่มีลักษณะคล้ายกับรถจักรยานของลูกชายตนเองที่ขับออกไป โผล่อยู่ใต้หนองน้ำคือ ซึ่งเขตรอยต่อระหว่าง อ.วังสะพุงกับ อ.ภูหลวง ตนได้ไปดูก็พบว่าเป็นรถของลูกชาย พร้อมอุปกรณ์ที่นำไปเข้าเวร แต่ก็ไม่พบร่างของลูกชาย ตนจึงคิดว่าลูกชายต้องถูกอุ้มไปอย่างแน่นอน เท่าที่ทราบอาจเป็นความขัดแย้งเรื่องการทำงาน

" เมื่อทราบข่าวทางโทรทัศน์ว่ามีการค้นพบสุสานเผานั่งยางมนุษย์ ที่จังหวัดอุดรธานี และได้ยินว่ามีหลายศพที่ถูกนำมาเผา บางจุดที่พบมีระยะเวลาในการเผาใกล้เคียงกับระยะเวลาที่ลูกชายหายตัวไป จึงได้นำหลักฐานมาขอตรวจเพื่อเปรียบเทียบ DNA กับชิ้นส่วนกระดูกที่ตรวจพบในสุสาน เพราะอยากรู้ว่ามีลูกชายของตนเองหรือไม่ ถ้ามี อย่างน้อยพ่อจะได้รู้ว่าลูกได้จากไปแล้ว "

นายทองแดง บอกว่า แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าในจุดเผานั่งยางที่ตรวจพบทั้ง 23 จุด จะมีลูกชายของตนหรือไม่ แต่เพื่อความสบายใจ จึงได้ชวนญาติที่บ้าน มาร่วมทำพิธีอุทิศส่วนกุศลไปให้ ถ้าหากลูกของตนได้จากไปแล้วจริง ก็จะได้รับส่วนบุญที่พ่อและแม่ส่งไปให้ในวันนี้ด้วย