svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

"บาเยิร์น" เปิดบ้านรับ "ตราหมี" ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

03 พฤษภาคม 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรป ถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กลางดึกคืนนี้ เป็นรอบรองชนะเลิศ นัด 2 คู่แรก ระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค ที่จะเปิดสนามอารีน่า มิวนิค รอรับการมาเยือนของ ตราหมี แอตเลติโก้ มาดริด ในเวลา 01.15 น.โดยบาเยิร์น ต้องชนะ 2 ประตู เพื่อเข้าชิงชนะเลิศ

ฝั่ง บาเยิร์น มิวนิค ของเทรนเน่อร์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แพ้มาในนัดแรก 0-1 ดังนั้นนัดนี้ต้องชนะให้ได้เท่านั้น อย่างน้อยคือชนะ 1-0 เพื่อต่อเวลาพิเศษ และถ้าชนะเกมศูนย์มากกว่า 2 ประตู อาทิ 2-0, 3-0 จะเข้ารอบชิงชนะเลิศทันที แต่หากเสียประตู ต้องชนะมากกว่า 2 ขึ้นไป อาทิ 3-1, 4-2 เพราะหากชนะมากกว่าประตูเดียวสกอร์เท่าใดก็ตกรอบ 4 ทีมสุดท้าย ด้วยกฏการยิงประตูทีมเยือน

ซึ่งก่อนรอบรองชนะเลิศของถ้วยใบนี้ บาเยิร์น แพ้เพียงนัดเดียว นับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเป็นการแพ้เกมเยือนให้กับ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล 0-2 ทว่ากลับมาเล่นเกมเหย้า เป็นฝ่ายชนะ 5-1 แต่เป็นการเกิดขึ้นในรอบแบ่งกลุ่ม ไม่ใช่รอบแพ้คัดออก

ด้าน แอตเลติโก้ มาดริด ของเทรนเน่อร์ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ชนะมาได้ก่อน 1-0 ที่สนามบิเซนเต้ กัลเดร่อน ของตัวเอง และการไม่เสียประตูเกมเหย้า ทำให้นัดนี้ พวกเขาเสมอสกอร์เท่าใดก็เข้ารอบชิงชนะเลิศ หรือหากแพ้ 0-1 ก็ยังได้ต่อเวลาพิเศษ ถึงหากแพ้ไม่เกินหนึ่งประตู อาทิ 1-2, 2-3 ก็ยังได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ ด้วยกฏการยิงประตูทีมเยือน

ทางเดียวที่ แอตเลติโก้ มาดริด จะตกรอบใน 90 นาที คือแพ้มากกว่า 2 ประตู อาทิ 0-2, 0-3 ขึ้นไป หรือ 1-3, 2-4 เป็นต้น นอกจากนั้นนับตั้งแต่วันพุธที่ 13 เมษายน ผ่านมาแล้ว 6 นัดรวมทุกถ้วย ตราหมี ชนะรวด และตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลแข่ง 2015-2016 แอตเลติโก้ มาดริด แพ้นัดเยือนเพียงครั้งเดียว คือในรอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อออกไปพ่าย บาร์เซโลน่า 1-2 ที่สนามคัมป์ นู ทว่า แอตเลติโก้ มาดริด เข้ารอบมาด้วยกฏการยิงประตูทีมเยือน เนื่องจากชนะเกมเหย้า 2-0

สถิติที่น่าสนใจ- 69% ของทีมที่ชนะในบ้าน 1-0 นัดแรกของรอบน็อกเอาต์ ชปล. เป็นฝ่ายผ่านเข้ารอบ (คือ 20 จาก 29 เกม)- คู่นี้เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว จากเกมยูโรเปี้ยน คัพ นัดชิงชนะเลิศ ปี 1974 ซึ่งบสเยิร์นชนะ 4-0 ในนัดแข่งใหม่ หลังเสมอ 1-1 (หลังต่อเวลาพิเศษ) ในเกมแรก- แอต.มาดริด ผ่านเข้ารอบตลอด 6 ครั้งหลังที่พบทีมจากเยอรมันในรอบน็อกเอาต์ ถ้วยยุโรป โดย ดินาโม เดรสเดรน เป็นทีมล่าสุดที่เขี่ยพวกเขาตกรอบ ในยูฟ่า คัพ รอบแรก ฤดูกาล 1979-80- แอต.มาดริดผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ /ยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ครั้ง คือในปี 1974 และ 2014 แต่ได้รองแชมป์ทั้งหมด- ขณะเดียวกัน บาเยิร์นผ่านเข้าชิงชนะเลิศรายการนี้ 10 ครั้ง มากเป็นอันดับ 3 รองจากเรอัล มาดริด (13 ครั้ง ก่อนฤดูกาลนี้) และเอซี มิลาน (11 ครั้ง)- บาเยิร์น มิวนิคชนะรวด 11 เกมหลังสุดในบ้านรายการนี้ โดยยิงได้ 41 ประตูและเสียแค่ 6 ลูก ถ้าชนะเกมนี้อีก จะเป็นการทาบสถิติชนะติดต่อกันในบ้านที่แมนฯ ยูไนเต็ดทำไว้ 12 นัด- ทีมสุดท้ายที่ไม่แพ้บาเยิร์นที่อารีน่า มิวนิค ในแชมเปี้ยนส์ ลีก คือ เรอัล มาดริด เมื่อเมษายน 2014 (0-4)- บาเยิร์น มิวนิค ผ่านเข้ารอบรองแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งที่ 6 จาก 7 ฤดูกาลหลัง อย่างไรก็ตาม พวกเขาโดนเขี่ยตกรอบนี้ใน 2 ซีซั่นหลังสุดโดยสโมสรจากสเปน (เรอัล มาดริด ฤดูกาล 2013-14 และบาร์เซโลน่า 2014-15)- บาเยิร์นคว้าแชมป์ครั้งล่าสุด ในการเล่นที่มิลาน เมื่อปี 2001 (เสมอบาเลเนซีย 1-1 หลังต่อเวลา ก่อนชนะจุดโทษ 5-4)- บาเยิร์น ทำคลีนชีตได้แค่ครั้งเดียวจาก 5 เกมเชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาต์ ฤดูกาลนี้ (1-0 เหนือเบนฟิก้า รอบก่อนรองฯ นัดแรก) น้อยที่สุดในบรรดา 4 ทีมที่เหลืออยู่- ขณะเดียวกัน แอต.มาดริดทำ 15 คลีนชีตจาก 20 เกมแชมเปี้ยนส์ ลีก หลังสุด รวมถึง 4 จาก 5 เกมรอบน็อกเอาต์ฤดูกาลนี้- แอต.มาดริดชนะรวด 2 เกมหลังสุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาต์ หลังจากไม่ชนะ 5 เกมก่อนหน้านั้น (เสมอ 3 แพ้ 2)- ในบรรดา 4 ทีมรอบตัดเชือก แอต.มาดริดเป็นทีมเดียวที่ยังไม่ได้ประตูจากนอกเขตโทษ- เป็ป กวาร์ดิโอล่า พาทีมผ่านเข้ารอบรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก ตลอด 7 ฤดูกาลที่คุมทม แต่ร่วงตกรอบนี้ตลอด 3 ครั้ง โดยหนล่าสุดที่พาทีมเข้าชิงชนะเลิศ เกิดขึ้นในฤดูกาล 2010-11 สมัยคุมบาร์เซโลน่า (ชนะแมนฯ ยูไนเต็ด 3-1)- โธมัส มุลเลอร์ ทำ 15 ประตูจาก 17 เกมแชมเปี้ยนส์ ลีก หลังสุดที่เป็นตัวจริง- โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงไม่ได้ 3 เกมหลังสุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นผลงานยิงไม่ได้นานสุดนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค- อาร์ตูโร่ วิดาล ยิง 2 ประตู และ 1 แอสซิสต์ ถึง 3 จาก 4 ประตูหลังสุดของบาเยิร์นในรายการนี้- ซาอูล ญีเกซ มีส่วนร่วมโดยตรง 50% จาก 6 ประตูหลังสุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก ของแอต.มาดริด ( คือ 2 ประตู 1 แอสซิสต์)

logoline