แอปเปิ้ลเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 เมื่อวาน ระบุว่า ยอดจำหน่ายไอโฟน สินค้าที่เป็นตัวทำรายได้หลัก ตกลงเป็นครั้งแรกเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วนับตั้งแต่เริ่มวางขายในปี 2550 โดยลดลงเหลือ 51.19 ล้านเครื่อง เมื่อเทียบกับ 61.71 ล้านเครื่องในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หรือลดลง 16% ซึ่งยอดจำหน่ายในจีนร่วงลงมากที่สุด 26%
นอกจากนี้รายได้ไตรมาส 2 สิ้นสุดที่ 26 มี.ค. อยู่ที่ 50,560 ล้านดอลลาร์ ลดลงจาก 58,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว หรือลดลง 13% เป็นการลดลงของรายได้ประจำไตรมาสครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2546 และยอดกำไรไตรมาส 2 อยู่ที่ 10,500 ล้านดอลลาร์ลดลงจาก 13,600 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ตัวเลขผลประกอบการล่าสุด สร้างความผิดหวังต่อตลาด ฉุดให้ราคาหุ้นของแอปเปิ้ลตกลงกว่า 8% ไปอยู่ที่ 95.72 ดอลลาร์ในการซื้อขายหลังปิดตลาด
แต่ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิ้ล ยังคงชื่นชมว่าทีมงานทำผลประกอบการได้ดีแม้ต้องเผชิญผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค และพอใจมากที่บริษัทยังมีรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นักวิเคราะห์ บอกว่า ไม่แปลกใจที่เห็นยอดขายไอโฟนตกเพราะเป็นช่วงภาวะอิ่มตัวของตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก