อินโดฯยกเลิกนโยบายคาร์พูล อวสานอาชีพผู้โดยสารรับจ้าง

นโยบายคาร์พูล หรือรถคันเดียวกันไปด้วยกัน ที่กำหนดให้รถยนต์ที่จะแล่นเข้าไปยังพื้นที่ชั้นในของกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ที่ขึ้นชื่อว่าการจราจรแออัดติดอันดับโลก ต้องมีผู้โดยสารร่วมทางกันอย่างน้อย 3 คน หรือ ทรีอินวัน เพื่อหวังลดจำนวนรถยนต์ในย่านที่การจราจรคับคั่ง ซึ่งนอกจากใช้ไม่ได้ผลแล้ว ยังทำให้เกิดอาชีพใหม่ ที่เรียกว่า "จ็อคกี้" เป็นการรับจ้างร่วมทาง ที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ถึงขนาดเด็กนักเรียนพากันออกจากโรงเรียน เพื่อไปเป็นจ็อคกี้ตามเมืองใหญ่ แต่การระงับมาตรการนี้ ทำให้บรรดาจ็อคกี้ต้องตกงานกันเป็นแถวในช่วงเวลาเร่งด่วน ตามถนนทุกสายของจาร์กาตา จะมีผู้คน ทั้งผู้หญิงอุ้มทารก และเด็กๆ วัยเรียน ไปยืนต่อแถวและชูมือเป็นสัญลักษณ์รับจ้างเป็นเพื่อนร่วมทาง แต่เมื่อวันอังคาร หน่วยงานด้านการจราจรของกรุงจาการ์ตา ได้ระงับนโยบายคาร์พูล เพื่อทดสอบว่าสามารถลดความแออัดลงได้หรือไม่ และถ้าจำนวนรถยนต์ไม่ลดลง ก็แสดงว่า ระบบที่ใช้งานตั้งแต่ปี 2546 หรือกว่า 10 ปี ไม่ได้ผลแต่อย่างใด

การยกเลิกนโยบายนี้ ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับคนจนที่ทำมาหากิน นอกจากอาชีพจ็อคกี้แล้ว ยังมีพวกที่แต่งตั้งตัวเองเป็นตำรวจยูเทิร์น และรับฝากรถ ที่มักจะได้ค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ จากคนขับรถ แม้ว่าบางครั้งจะกีดขวางมากกว่าช่วยเหลือก็ตามชายคนหนึ่งที่ยอมลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเป็นจ็อคกี้นานกว่า 10 ปี เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว บอกว่า ไม่อยากให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายทรีอินวัน เพราะมันดีสำหรับคนยากจน แม้ว่าจะเป็นนโยบายที่ไม่ได้ผลก็ตาม แต่ทำให้เขามีรายได้วันละ 15 ดอลล่าร์

นอกจากนโยบายคาร์พูลจะไม่ได้ผลแล้ว ยังมีเรื่องที่เด็กๆ ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงด้วยการขึ้นรถไปกับคนแปลกหน้าเพื่อแลกกับค่าจ้าง แม้รู้ว่า จ็อคกี้ เป็นอาชีพผิดกฎหมาย และถูกตำรวจจับและควบคุมตัวไว้นาน 2 สัปดาห์ รวมทั้งให้ลงชื่อเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่กลับไปทำอาชีพนี้อีก
แต่หลายคนบอกว่า พวกเขารีบกลับไปยึดอาชีพเดิมเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนี้ บอกว่า รายได้ที่ได้มาง่ายๆ วันละ 10 ดอลล่าร์ มันคุ้มค่ากับความเสี่ยง และยิ่งเป็นแม่ที่มีลูกด้วยแล้ว จะยิ่งได้เปรียบคนอื่นเพราะ นอกจากจะดูน่าสงสารแล้ว พวกเจ้าของรถก็ชอบเพราะได้ผู้โดยสารสองคน แต่จ่ายแค่คนเดียว