สิ้นสุดจี้เครื่องบินอียิปต์

เครื่องบินโดยสารแอร์บัส เอ320 ของอียิปต์แอร์ เที่ยวบินเอ็มเอส 181 ที่เดินทางจากเมืองอเล็กซานเดรีย ทางเหนือของอียิปต์มุ่งหน้าไปยังกรุงไคโร เมืองหลวง ถูกบังคับให้ลงจอดที่สนามบินลาร์นากา ทางภาคใต้ของประเทศไซปรัสเมื่อเวลา 8.50 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่นหรือ12.50 น.ตามเวลาไทย หลังจากสลัดอากาศแจ้งหอบังคับการบินก่อนหน้านั้นเพียง 20 นาทีเพื่อขอให้เครื่องบินลงจอด
เจ้าหน้าที่ระบุว่า สลัดอากาศ ชื่อ นาย เซอิฟ เอลดิน มุสตาฟา ชาวอียิปต์ เขาบังคับให้นักบินเปลี่ยนเส้นทางโดยขู่จะระเบิดเครื่องบินด้วยเข็มขัดที่ติดระเบิด แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นของจริงหรือไม่ และไม่พบอาวุธปืนแต่อย่างใด
บนเที่ยวบินนี้มีผู้โดยสาร 55 คน ลูกเรือ 7 คน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 1 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย 21 คน และหลังเครื่องบินลงจอด สลัดอากาศยอมปล่อยผู้โดยสารเกือบทั้งหมด ยกเว้นผู้โดยสาร 3 และนักบิน นักบินผู้ช่วย พนักงานต้อนรับหญิงและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบนเครื่องบิน
ล่าสุดคนที่เหลือทยอยออกจากเครื่องบินจนหมดแล้ว โดยมีภาพคนหนึ่งปีนออกจากหน้าต่างห้องนักบิน และสลัดอากาศยอมมอบตัวโดยเดินลงจากเครื่องบินพร้อมกับชูมือขึ้น และเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวไว้แล้ว และทางการอียิปต์เตรียมสอบปากคำเพื่อหามูลเหตุจูงใจที่แท้จริง
ประธานาธิบดีนิคอส อนาสตาเซียเดส ของไซปรัส แถลงยืนยันว่า สถานการณ์จี้เครื่องบินไม่ใช่การก่อการร้าย น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่การบิน เผยว่าสลัดอากาศโยนจดหมายที่เขียนเป็นภาษาอาหรับบอกให้นำไปให้อดีตภรรยาที่อาศัยในเมืองลาร์นากา และเจ้าหน้าที่พาสตรีคนหนึ่งพร้อมกับเด็กเล็กอีกคนมาพบที่สนามบิน ขณะเดียวกันยังมีรายงานบางกระแสว่าเขาต้องการขอลี้ภัย หรือขอให้ปล่อยตัวนักโทษในอียิปต์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความโกลาหลทำให้ต้องปิดสนามบิน และเที่ยวบินทั้งหมดต้องเปลี่ยนไปลงจอดที่ปาฟอสแทน
สนามบินลาร์นากาเคยเผชิญเหตุการณ์ที่มีเครื่องบินถูกจี้บังคับมาลงจอดหลายครั้งในช่วงระหว่างทศวรรษ 1970 และทศวรรษ 1980 และสายการบินอียิปต์แอร์ เคยประสบเหตุการณ์จี้เครื่องบินครั้งสุดท้ายเมื่อ 30 ปีที่แล้วโดยเที่ยวบินจากเอเธนส์ ไปไคโรถูกผู้ก่อการร้ายจี้บังคับไปลงจอดในมอลต้า และหลังการเจรจาล้มเหลวทหารอียิปต์บุกขึ้นไปบนเครื่องบิน และสลัดอากาศต่อสู้ด้วยระเบิดมือ ทำให้ผู้โดยสาร 6 รายจาก 90 รายเสียชีวิต