นางปวีณา กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา มารดาของผู้เสียหายได้ติดต่อเข้ามาที่มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อร้องขอความช่วยเหลือให้ติดตามคดีหลังบุตรสาวถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยวจนได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส จึงประสานทางผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรุดเดินทางเข้าตรวจสอบก่อนทราบข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายเป็นนักศึกษากฎหมายและฝึกงานอยู่ที่สำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลที่มีอุปนิสัยดี ขยันทำงาน และส่งเสียตัวเองเล่าเรียน ในช่วงเย็นจะหารายได้เสริมโดยการรับจ้างทั่วไป
นางปวีณา กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงกลางเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้รู้จักกับนายเต้ ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง อายุประมาณ 37 ปี ผ่านโปรแกรมบีทอล์กก่อนคุยกันได้ประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นฝ่ายชายซึ่งพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนต์ชื่อดัง ภายในซอยรามคำแหง 24 แยก 12 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ได้ออกอุบายว่าจ้างให้ผู้เสียหายไปทำความสะอาดภายในห้องพักเมื่อทำงานใกล้จะแล้วเสร็จฝ่ายชายกลับใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ซึ่งครั้งนั้นทางผู้เสียหายไม่กล้าเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดี ก่อนจะสมยอมคบหาดูใจกัน โดยทราบข้อมูลเบื้องต้นไม่แน่ชัดว่าฝ่ายชายชื่อนายธันเนตร โคจรนา อายุ 37 ปี ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่งเป็นเพียงนักเพาะกายเคยติดอดีตทีมชาติ
นางปวีณา กล่าวอีกว่า จากการสอบถามฝ่ายหญิงบอกว่า เมื่อคบหากันได้สักระยะฝ่ายชายมักมีอาการหึงหวงอย่างรุนแรง หลังออกมาจากฟิตเนสก็ชอบนั่งดื่มสุรา เมื่อเมามายจนได้ที่จะหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ โดยครั้งล่าสุดเมื่อเที่ยงของวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เสียหายกำลังทำงานอยู่นั้น จู่ๆ นายเต้ ได้โทรศัพท์เข้ามาหาผู้เสียหายแต่ทางผู้เสียหายไม่ได้รับโทรศัพท์ จึงเกิดบันดาลโทสะหลอกนัดให้ผู้เสียหายไปหาที่ห้องพักดังกล่าวในช่วงเย็น เมื่อน.ส.เอ๋ไปหาตามนัดนายเต้ กลับใช้มีดสปาต้าฟาดเข้าที่บริเวณศรีษะจนเลือดอาบหน้า พร้อมทั้งต่อยเป้าตาทั้ง 2 ข้าง และใช้บุหรี่จี้ที่เบ้าตาซ้าย ก่อนทารุณกรรมทำร้ายทั่วร่างกายจนสลบ เมื่อฟื้นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันที่ 24 มี.ค. ก็พบว่ามือทั้งสองข้างถูกพันธนาการด้วยเชือกจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และถูกกักขังอยู่แต่ในห้องพักดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ก็ถูกทารุณกรรมใช้มีดสปาต้าความยาวกว่า 1 ฟุต ฟันเข้าที่บริเวณหน้าท้องแต่ผู้เสียหายพยายามดิ้นหลบหนีมาได้มีเพียงร่องรอยฟกช้ำความยาวของบาดแผลประมาณ 2 นิ้ว
นางปวีณา กล่าวเพิ่มเติมว่า จนกระทั่งวันที่ 26 มี.ค. นายเต้ ก็ยังคงกักขังผู้เสียหายไว้ในห้องพักก่อนเดินทางออกไปทำธุระกับเพื่อน ผู้เสียหายจึงสบโอกาสพยายามคลานออกมาจากห้องพัก ก่อนขึ้นรถสองแถวหลบหนีเพื่อมุ่งหน้าไปร้านคอมพิวเตอร์ที่อยู่ภายในซอยถัดไปก่อนแชทหาเพื่อนสนิทให้นำตัวไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล จากนั้นได้ปรึกษากับมารดาให้แจ้งมูลนิธิปวีณาเพื่อช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนพ.ชาตรี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบตามร่างกายของผู้เสียหายพบว่ามีบาดแผลร่องรอยฟกช้ำทั่วร่างกายอาการสาหัส บริเวณศรีษะแตกร้าว ปอดฉีก ซี่โครงหักข้างละ 3 ซี่ รวม 6 ซี่ และมีเลือดคลั่ง ซึ่งขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ยังคงต้องพักฟื้นดูอาการอีกประมาณ 2-3 วัน หากไม่พบเลือดและลมออกมาจากสายไอซีดี ก็สามารถเดินทางกลับบ้านพักได้ตามปกติ
พ.ต.อ.ศรายุทธ กล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ต้องทำการสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมพร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งขณะนี้ทราบตัวผู้กระทำความผิดเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ หลังจากนี้หากมีพยานหลักฐานที่แน่ชัดก็จะเดินทางไปขออนุมัติจากศาลอาญารัชดา เพื่อออกหมายจับในความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส และกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นสูญเสียอิสรภาพ ส่วนข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นนั้นต้องทำการสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดต่อไป