คณะทำงานปะการังฟอกขาวแห่งชาติของออสเตรเลีย ระบุว่า ผลจากการบินสำรวจแนวปะการังระยะทาง 4,000 กิโลเมตรในจุดที่สมบูรณ์ที่สุดทางตอนเหนือของเกรทแบร์ริเออร์รีฟ พบว่า ปะการังมากถึง 95% จากเมืองแครนส์ไปถึงเกาะปาปัวนิวกินีกำลังได้รับความเสียหายอย่างหนักจากปะการังฟอกขาว โดยมีปะการังเพียง 4 จุดจากทั้งหมด 520 จุดทางตอนเหนือที่ไม่เกิดการฟอกขาว แต่จะบินสำรวจอีกในสัปดาห์นี้ว่าแนวปะการังทางตอนใต้เกิดภาวะฟอกขาวด้วยหรือไม่ ซึ่งดูเหมือนว่าจะยังไม่เกิดการฟอกขาว
ก่อนหน้านี้องค์การยูเนสโกมีมติยังไม่จัดให้เกรทแบร์ริเออร์รีฟอยู่ในรายชื่อมรดกโลกที่อยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายในปีที่แล้ว แต่นักสิ่งแวดล้อมเตือนว่าควรมีการประเมินใหม่
ศาสตราจารย์ เทอร์รี ฮิวส์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแนวปะการังจากมหาวิทยาลัยเจมส์ คุกและหัวหน้าคณะทำงานปะการังฟอกขาว บอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้เกรทแบร์ริเออร์รีฟเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
ผู้เชี่ยวชาญหลายคน บอกว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าปะการังจะฟื้นตัวได้หรือไม่ แต่จากการสำรวจใต้น้ำพบว่าปะการังที่เกิดการฟอกขาวราว 50% ตายแล้ว ภาวะฟอกขาวขณะนี้เลวร้ายกว่าเมื่อปี 2545 และ 2541 การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและปรากฏการณ์เอลนิโญ่ ถูกระบุว่าเป็นตัวการทำให้อุณหภูมิในทะเลเพิ่มสูงขึ้นจนส่งผลให้เกิดปะการังฟอกขาว
ศาสตราจารย์ฮิวส์ บอกว่า เขากังวลเรื่องผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมาตลอด และหลังจากบินสำรวจเห็นความเสียหายของปะการัง เขารู้สึกโกรธแค้นมากกว่าเศร้า เพราะรัฐบาลไม่ฟังคำเตือนที่บอกไปเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน