พ.อ.นพสิทธิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องวันที่ 11 มี.ค.เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพื้นที่ กรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ได้รับร้องเรียนจากผู้เสียหายหลายรายว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้โฆษณาทางสื่อออนไลน์รับสมัครหมอนวดชายหญิงไปทำงานที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ มีรายรับต่อเดือน 50,000-70,000 บาท และสวัสดิการต่างๆ เช่นที่พัก ค่าข้าว วันหยุด ฯลฯ แต่เมื่อผู้เสียหายรายหนึ่งได้สมัครไปทำงานกลับไม่เป็นอย่างที่โฆษณา เนื่องจากถูกลอยแพและถูกยึดหนังสือเดินทางไว้ ต้องทำงานทุกวันได้รับค่าจ้างเพียง 30,000 บาท เงินเดือนๆแรกถูกหักไปกับค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พัก ค่าอาหารต้องจ่ายเอง นอนรวมกับพนักงานคนอื่นๆ เมื่อผู้เสียหายหลบหนีออกมาได้ จึงแจ้งสถานฑูตไทยทราบ ก่อนเดินทางเข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ทหาร
พ.อ.นพสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งคู่พักอาศัยอยู่ที่อาคารเวลธ เทอร์ตี้อพาร์ทเม้นต์ จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นในห้องพักช่วงเย็นวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา
พบผู้ต้องหาทั้ง 2 คน อยู่ในห้องพักกำลังเตรียมพาหญิงไทย 4 คน เดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้ เจ้าหน้าที่จึงเข้าช่วยเหลือเอาไว้ได้ ก่อนควบคุมตัวทั้งสองคนมาสอบปากคำนายวิทย์ (นามสมมติ)หนึ่งในเหยื่อผู้เสียหาย ให้การว่า เห็นโฆษณาในอินเตอร์เน็ตสนใจ สมัครเข้าทำงานโดยผู้ต้องหาทั้งคู่จัดทำหนังสือเดินทางและวีซ่านักท่องเที่ยวให้ เมื่อเดินทางไปถึงมีพี่สาวกับน้องชายของนายคิม รอรับพวกตนอยู่ที่ประเทศเกาหลี แต่กลับถูกยึดพาสปอร์ตต้องทำงานทุกวันโดยไม่ได้เงินเดือนแต่อย่างใด โดยพี่สาวกับน้องชายนายคิม อ้างว่าจะให้เงินหลังจากทำงานครบ 3 เดือน ทำให้ต้องนำเงินจากค่าทิปนวดมาใช้จ่ายซื้ออาหารกินเอง เมื่อครบ 3 เดือนไปทวงถามบอก ยังไม่จ่ายให้ อีกทั้งยังพาตนไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งโดยแจ้งว่าจะพาไปทำงานต่อที่อื่นๆ ตนเห็นท่าไม่ดีจึงหนีออกมา ก่อนไปขอความช่วยเหลือจากสถานฑูตไทย จนกระทั่งได้เดินทางกลับมา ก่อนเข้ามาร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ทหาร
ด้าน น.ส.ปวีณา ให้การรับสารภาพโดยอ้างว่า ก่อนหน้านี้รู้จักอยู่กินเป็นสามีภรรยากับนายคิม 2 ปี จากนั้นชวนไปทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ร้านนวดที่ประเทศเกาหลีใต้ 2 เดือน ได้ค่าจ้าง 30,000 บาท และต้องนอนพักกับพนักงานนวดคนอื่นๆเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นเกิดป่วย สามีจึงพากลับมาที่ประเทศไทยก่อน ส่วนเรื่องจ้างหญิงไทยไปนวดที่ประเทศเกาหลีใต้โดยการประกาศเชิญชวนตามโซเชียลมีเดีย หากมีใครสนใจก็จะจัดทำพาสปอร์ตกับวีซ่าให้ เมื่อไปถึงประเทศก็จะมีพี่สาวและน้องชายของสามีคอยรอรับอยู่ ก่อนยึดพาสปอร์ตไว้ เมื่อทำงานครบกำหนด 3 เดือนก็จะไม่จ่ายเงิน โดยพาออกจากร้านนวดไปปล่อยลอยแพตามทาง ก่อนจะรับพนักงานนวดชุดใหม่มาทำงาน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ทำการสอบปากคำ ก่อนพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดคดีอาญาข้อหาใดบ้าง ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป