ผู้อพยพอิหร่าน ที่ถูกส่งไปกัมพุชาขอกลับบ้าน

ชาวอิหร่านสองในสามคนที่ออสเตรเลียส่งไปอยู่ในกัมพูชาเมื่อปีที่แล้ว เดินทางกลับประเทศไปแล้วเมื่อ 12 ก.พ.และเป็นอีกสิ่งบ่งชี้ล่าสุดว่านโยบายของออสเตรเลียในการส่งผู้อพยพไปยังกัมพูชาประสบความล้มเหลว และจุดเสียงวิจารณ์เรื่องความคุ้มค่าของนโยบายที่ใช้งบประมาณ 55 ล้านดอลลาร์
ออสเตรเลียใช้นโยบายเข้มงวดสกัดเรือผู้ขอลี้ภัยไม่ให้ขึ้นฝั่ง ไม่อนุญาตให้เข้าไปพำนักในดินแดน และจะส่งกลับประเทศต้นทางหรือส่งไปยังศูนย์กักกันที่ไปตั้งไว้ในประเทศเล็กๆในแปซิฟิคอย่างเกาะนาอูรู หรือเกาะมานุส ในปาปานิวกินี นอกจากนี้ยังทำข้อตกลงกับรัฐบาลกัมพูชาเมื่อเดือนก.ย. 2557 ให้กัมพูชารับผู้อพยพไว้จากศูนย์กักกันเหล่านั้นแลกกับความช่วยเหลือ 55 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางเสียงประณามจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนว่า สภาพแวดล้อมในกัมพูชาไม่เหมาะสมสำหรับรองรองรับผู้อพยพ เพราะมีปัญหาความยากจนและละเมิดสิทธิมนุษยชน
ออสเตรเลียส่งผู้อพยพชาวอิหร่าน 3 คนและชาวโรฮิงญา 1 คนจากศูนย์กักกันในนาอูรูไปกัมพูชาเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว ต่อมามีชาวโรฮิงญาอีกคนถูกส่งไปสมทบ แต่ชาวโรฮิงญาคนหนึ่งสมัครใจเดินทางกลับเมียนมาร์เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้วโดยอ้างเหตุผลว่าคิดถึงบ้าน และล่าสุดสามีภรรยาชาวอิหร่านกลับประเทศไปแล้ว ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชาแจ้งว่า ทั้งสองคนมีความสุขดีในกัมพูชา แต่อยากกลับประเทศเพราะคิดถึงบ้านมาก
พรรคฝ่ายค้านออสเตรเลียวิจารณ์ว่าการทำข้อตกลงกับกัมพูชาเป็นตลกราคาแพงและสะท้อนว่า รัฐบาลล้มเหลวในการเจรจากับประเทศที่สามที่มีความเหมาะสมจะเป็นศูนย์รองรับผู้อพยพที่น่าเชื่อได้
และแนวร่วมคุ้มครองผู้อพยพในออสเตรเลีย อ้างว่า ผู้อพยพได้รับข้อเสนอ 15,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียหากยอมย้ายไปอยู่กัมพูชา
ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลปาปัวนิวกินี เตือนว่า ประเทศไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการดูแลผู้อพยพและผู้ขอลี้ภัยที่ศูนย์กักกันบนเกาะมานุสได้