พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มเครือข่ายคณะสงฆ์ และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศ รวมตัวกันที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา จนเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่าง ทหารและคณะสงฆ์ และได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.ชาญเวช เสสะเวช ผบช.ภ.7 ว่า ส่วนหนึ่งที่มาร่วมชุมนุมมาจากวัดพระธรรมกาย สำหรับเรื่องข้อเรียกร้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้รับหนังสือไปแล้ว ขอเวลาให้รัฐบาลพิจารณาก่อน หากผลการพิจารณาข้อเรียกร้องไม่ถูกใจกลุ่มพระสงฆ์ ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ตำรวจเป็นเพียงผู้บังคับใช้กฎหมาย เป็นผู้ปฏิบัติเท่านั้น
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ย้ำว่า การชุมนุมไม่ว่ากรณีใด ต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. ชุมนุมในที่สาธารณะ ดังนั้น หากบุคคล หรือ กลุ่มใด จะออกมาชุมนุมจะต้องปฎิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
มีรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยว่า ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของเครือข่ายพระสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท ที่จะออกมาเคลื่อนไหวในคดีสำคัญ 2 คดี คือ การครอบครองรถหรูผิดกฎหมายของ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตกเป็นผู้ต้องหาฐานความผิดฟอกเงิน หรือรับของ โจร ฐานรับเช็คเงินสดจากศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ
และในข้อเสนอ 5 ข้อ ที่เครือข่ายสงฆ์ยื่นให้กับรัฐบาลนั้นมี 3 ข้อที่เกี่ยวโยงกับ 2 คดี คือ ห้ามหน่วยงานภาครัฐเข้ามาก้าวก่ายเรื่องทางสงฆ์ และขอให้รัฐบาลยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติอันดีงามที่กระทำสืบกันมา คือการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์ ทางรัฐบาลจะต้องปรึกษาและได้รับความเห็นชอบจาก มส.ก่อน ซึ่งการเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณไปยังรัฐบาล