พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กับทางตำรวจ สน.ดินแดงว่าถูกคนร้ายเป็นโชเฟอร์แท็กซี่ก่อเหตุชิงทรัพย์ด้วยการข่มขู่ ขณะกำลังโดยสารมาถึงบริเวณซอยบุญชูศรี แขวง/เขตดินแดง กทม. ซึ่งคนร้ายได้ทรัพย์สินกระเป๋าผู้หญิงแบบหนัง สีดำ ภายในมี เงินสด จำนวน 5,000 บาท สร้อยเงิน แหวนเงิน บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม และเอกสารสำคัญหลายรายการ โดยผู้เสียหายสามารถจดจำรูปพรรณคนร้ายได้เป็นชายสวมเสื้อยืดคอปกลายขวางสีเขียวคาดขาว
จากนั้นตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ดินแดง เร่งติดตามหาเบาะแสคนร้าย กระทั่งเวลาผ่านไป 1 ชม. พบว่าคนร้ายได้นำบัตรเครดิตไปรูดจ่ายค่าน้ำมันและน้ำมันเครื่อง ที่ปั๊มน้ำมัน ย่านถนนราชพฤกษ์ และถนนกัลปพฤกษ์ รวม 5 ครั้ง จึงนำกำลังไปตรวจสอบปั๊มน้ำมันย่านดังกล่าว พบภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ ขณะนำบัตรเครดิตรของผู้เสียหายไปรูดจ่ายค่าน้ำมัน พร้อมทั้งพบว่าคนร้ายขับรถแท็กซี่สีชมพูคาดน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ทศ-8664 กทม.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด พบชายต้องสงสัยอีกรายขับรถแท็กซี่สีส้ม หมายเลขทะเบียน ทย-6249 กทม. ขับเข้ามาหาคนร้ายภายในปั๊ม ทราบชื่อภายหลังคือ นายสุภชัย แสนมา ทางตำรวจได้ติดตามตัวมาให้ข้อมูล จนทราบว่าคนร้ายคือ นายจีระวัฒน์ได้หลบหนีไปกบดานที่อพาร์ทเม้นต์ เอสพี วิลล่า อาคารดี ซอยอุดมสุข 22 แขวง/เขตบางนา กทม. จากนั้นทางพ.ต.ต.ทองเปลว จึงนำกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ดินแดงไปตรวจสอบที่อพาร์ทเม้นต์ดังกล่าวพบผู้ต้องหากำลังยืนอยู่บริเวณด้านหน้าอาคาร จึงแสดงตัวขอตรวจค้นพบของของจำนวนหนึ่ง ทำให้เจ้าตัวจำนนต่อหลักฐาน ก่อนพาตำรวจขึ้นไปตรวจยึดของกลางทั้งหมดบนห้องพักเลขที่ 301 ของอาคารดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ออกตระเวนรับเหยื่อตามสถานบริการ ยามค่ำคืน ตามย่านสุขุมวิท เนื่องจากเหยื่อแต่ละรายจะอยู่ในอาการมึนเมา ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยทุกครั้งจะพาขับออกนนอกเส้นทางไปตามเส้นทางเปลี่ยวลับตาผู้คน ก่อนจะจอดรถมาเปิดประตูกระชากผู้โดยสารออกจากรถแล้วทำการข่มขู่บังคับให้มอบทรัพย์สินของมีค่าให้แล้วขับหลบหนีไป กระทั่งครั้งล่าสุดได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ผู้เสียหายที่เป็นหญิงสาว ซึ่งหลังจากก่อเหตุได้นำบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปรูดซื้อน้ำมันและน้ำมันเครื่อง แบ่งกับนายสุภชัย บางส่วนได้นำไปฝากนายนรินทร์ ราชภักดี เจ้าของอู่รถแท็กซี่ที่ตนเช่าอยู่
ต่อมานายนรินทร์ได้โทรศัพท์มาบอกให้ตนหลบหนีเนื่องจากมีตำรวจมาขอข้อมูลตน ทำให้เกิดความกลัวว่าจะถูกตำรวจจับจึงนำทรัพย์สินบางส่วนไปทิ้ง แต่ก็มีทรัพย์สินจำนวนหนึ่งที่เก็บไว้ในห้องพัก มีเพียงโทรศัพท์มือถือได้นำไปขายให้ร้านรับซื้อภายในตลาดห้วยขวาง ก่อนนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว สำหรับน้ำมันที่ซื้อมาตนตั้งใจเก็บไว้เติมรถแท็กซี่ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายอีกทาง
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังรับอีกว่าเคยก่อเหตุมาแล้วทั้งหมด 9 ครั้ง ครั้งแรก เมื่อวันที่18 มิ.ย.58 ผู้เสียหายเป็นชายชาวญี่ปุ่น รับจากแยกอโศกมนตรีไปส่งที่สุขุมวิท39 ทรัพย์สินที่ได้โทรศัพท์มือถือไอโฟน 1 เครื่อง นำไปขายในราคา 3,000 บาท และแว่นตายี่ห้อSeiko สีน้ำตาล พร้อมกล่อง แต่ยังไม่ได้นำไปขาย ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่22ต.ค.58 ผู้เสียหายเป็นชายไทย รับจากบริเวณเยื้องกับสถานทูตอเมริกา มาส่งบริเวณอาคารวานิช ทรัพย์สินที่ได้โทรศัพท์มือถือซัมซุง แกรนด์ ไพรท์สีเทา เพาเวอร์แบงค์ และสายชาร์จ ยังไม่นำไปขาย มีเพียงโทรศัพท์ไอโฟน 6 ขายไปในราคา 3,500 บาท อีก 7 ครั้งที่เหลือส่วนใหญ่เป็นโทรศัพท์ไอโฟน โดยจะนำไปขายในราคาประมาณ 1,000 - 2,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน
ทั้งนี้ เมื่อทำการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพบว่าคนร้ายเคยก่อเหตุยักยอกทรัพย์ ในพื้นที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาอีกด้วย