สืบเนื่องจาก มีคนร้ายก่อเหตุกระชากสร้อยคอทองคำในพื้นที่หลายครั้ง โดยพฤติการณ์ของคนร้ายจะขับตามประกบเหยื่อแล้วลงมือกระชากสร้อยแล้วหลบหนีไป จากคำให้การของนางนุชนาถ ใจละออ อายุ 58ปี ชาว ต.บ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง ผู้เสียหายซึ่งถูกคนร้ายก่อเหตุกระชากสร้อยขณะขับรถจักรยานยนต์กลับจากงานศพ ว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ เป็นผู้ชายอายุประมาณ 40ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์แบบหญิงสีแดงสวมหมวกันน็อคแบบเต็มใบ ใส่เสื้อเชิ้ต สีซีด สวมกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าสีดำคาดขาว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนออกหาข่าวเพื่อติดจับกุมตัวคนร้าย บนถนนลำปาง-เกาะคา ปรากฏว่าพบชายต้องสงสัยขับขี่รถจักรยานยนต์แบบหญิงสีแดงสวมหมวกกันน็อค เสื้อผ้า เหมือนคนร้ายที่ก่อเหตุกระชากสร้อยในพื้นที่ มาตามถนนลำปาง-เกาะคา เขตบ้านลำปางกลาง ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง
เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามและแสดงตัวขอตรวจค้น และพบของกลางดังกล่าวข้างต้นจึงเชิญตัวไปสอบสวน ทราบต่อมาคือนายเอกชัย เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ลงมือก่อเหตุกระชากสร้อยที่หน้าวัดบ่อแฮ้ว จริง โดยจะขับขี่จักรยานยนต์ของกลางตระเวนหาเหยื่อตอนกลางวัน ไปตามถนนในหมู่บ้าน โดยจะสวมหมวกกันน๊อคแบบเต็มใบปิดบังใบหน้า สวมผ้าปิดจมูก และสวมเสื้อรองเท้าของกลาง พอเจอเหยื่อก็จะจอดรถซุ่ม พอเหยื่อขับรถก็จะขับตามประกบแล้วลงมือกระชากสร้อยหลบหนี ส่วนสร้อยก็จะเอาไปขายที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วเอาเงินไปใช้นอกจากนี้นานเอกชัยยังรับสารภาพอีกว่า เมื่อหลายเดือนก่อนได้ก่อเหตุตามประกบเหยื่อแล้วกระชากสร้อยคอทองคำน้ำหนัก2บาท ซึ่งเป็นเจ้าของเขียงหมู ที่ถนนบ้านป่ายะ-บ่อแฮ้ว ตบ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง จนเหยื่อได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ให้ผู้เสียหายทั้งสองรายมาชี้ตัวต้องปรากฏว่านายวิเชียร ธรรมศรีใจ เจ้าของเขียงหมูหนึ่งในผู้เสียหายเกิดโมโหใช้กำปั้นชกหน้าผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่ต้องแยกออก แต่อย่างไรก็ตามผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายก่อเหตุลักษณะดังกล่าวสามารถมาดูตัวผู้ต้องหาได้
สำหรับนายเอกชัย นั้นเคยเป็นเจ้าของโรงงานอิฐมอญ และรับเหมาถมที่ มีรถบรรทุกสิบล้อหลายคัน และเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์โมโตครอส เคยเป็นแชมป์ภาคเหนือมาแล้ว