โดยคดีนำร่องคดีแรก คือ คดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ซึ่ง ปปง.ยึดและอายัดทรัพย์สินไว้มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาหลักเกณฑ์เรื่องการคืนทรัพย์ คาดว่าช่วงต้นปีจะสามารถดำเนินการตามระเบียบหลักเกณฑ์ใหม่ ที่สามารถคืนทรัพย์กับผู้เสียหายระหว่างคดียังไม่สิ้นสุดได้
ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่อง จากการแก้ไขเพิ่มเติมมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ให้ครอบคลุมหลายคดีที่มีผู้เสียหาย เช่น คดียักยอกทรัพย์ ซึ่งเดิมทรัพย์สินที่ ปปง.ยึดและอายัดไว้จะนำออกขายทอดตลาด โดยให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน เช่น คดียาเสพติด คดีบุกรุกป่า แต่ปัจจุบันพบคดีเกี่ยวกับทรัพย์ที่มีประชาชนถูกฉ้อโกง ซึ่งเป็นคดีที่มีประชาชนเป็นผู้เสียหาย จึงจำเป็นต้องมีการเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การคืนทรัพย์เพื่อเยียวยาความเสียหายบางส่วนทั้งนี้ หลังมีหลักเกณฑ์เรื่องการคืนทรัพย์ ปปง. จะเปิดโอกาสให้ประชาชนที่เป็นกลุ่มผู้เสียหาย ยื่นคำร้องก่อนส่งให้อัยการพิจารณายื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลเป็นผู้พิจารณาว่า จะคืนทรัพย์สินหรือให้ขายทอดตลาดทรัพย์ แล้วเฉลี่ยคืนให้ผู้เสียหายแทน โดยนอกจากคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ แล้ว ยังมีคดีสำคัญที่เข้าข่ายต้องเร่งรัดคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหายเพื่อนำทรัพย์ไปเยียวยาผู้เสียหาย ได้แก่ คดียักยอกทรัพย์สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และคดีแชร์ลูกโซ่ยูฟัน