svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ศาลแพ่งสั่งสาวซีวิคจ่าย 30 ล้าน

27 พฤศจิกายน 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

26 พ.ย. 58 --- ศาลแพ่ง สั่งเยาวชนหญิง ขับซีวิค ชน รถตู้คว่ำโทลล์เวย์ ตาย 9 ศพ ปลายปี 53 ร่วมครอบครัวจ่ายเงินชดใช้ญาติคนตาย-คนเจ็บ 28 รายตั้งแต่ 4 พัน ถึง 1.8 ล้าน รวมกว่า 30 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี ขณะที่ญาติเหยื่อ เล็งหารือทนายหวังอุทธรณ์ ระบุค่าเสียหายน้อยไป


ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 26 พ.ย.58 เวลา 09.00 น. ศาลนัดพิพากษาคดีที่ญาติผู้เสียชีวิต 9 ราย และผู้บาดเจ็บ 4 ราย จากอุบัติเหตุ น.ส.แพร (นามสมมุติ) เยาวชนหญิง ขับรถยนต์ซีวิค เฉี่ยวชน รถตู้โดยสารเสียหลักหมุนไปชนขอบกั้นบนทางด่วนโทลล์เวย์จนพลิกคว่ำ เมื่อคืนวันที่ 27 ธ.ค.53 ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.แพร (นามสมมุติ) เยาวชนหญิง ที่ขับรถยนต์ซีวิค รวมทั้งบิดา - มารดาของเยาวชนดังกล่าว และผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของรถซีวิค เป็นจำเลยที่ 1-4 เมื่อวันที่ 25 ต.ค.54 เรื่องกระทำละเมิด ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 100 ล้านบาทเศษ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีแพ่งที่ฟ้องนี้เกี่ยวกันคดีอาญาในมูลเหตุเดียวกัน ที่อัยการยื่นฟ้อง เยาวชนหญิง เป็นจำเลย ฐานขับรถโดยประมาทฯ ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วโดยศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานขับรถประมาทฯ ดังนั้นจึงให้จำเลยที่ 1 ซึ่งกระทำการละเมิด และจำเลยที่ 2-3 ซึ่งเป็นผู้ปกครองจำเลยที่ 1 ต้องร่วมชดใช้จากการกระทำด้วย โดยให้จำเลยทั้งสาม ร่วมกันชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะ ค่ารักษาพยาบาล และค่าทุกข์ทรมานจากการบาดเจ็บทางร่างกายให้กับโจทก์ที่เป็นญาติของผู้ตายและผู้บาดเจ็บ รวม 28 ราย ตั้งแต่ 4,000 ถึง 1.8 ล้านบาท วงเงินรวมกว่า 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันกระทำละเมิด วันที่ 27 ธ.ค.53 และให้จำเลยชดใช้ค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย
ส่วนเจ้าของรถซีวิค ที่จำเลยที่ 1 นำมาขับนั้น ศาลเห็นว่า แม้จะปล่อยให้จำเลยที่ 1 ขณะนั้นอายุ 16 ปี ที่ยังไม่อาจมีใบขับขี่ นำรถยนต์มาขับ ก็เป็นการไม่ระมัดระวัง แต่ก็ไม่ได้กระทำการละเมิดโดยตรงกับโจทก์ แต่เป็นตัวจำเลยที่ 1 เอง ซึ่งกระทำละเมิดโดยตรง ดังนั้นเจ้าของรถ จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ร่วมกับการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้กลุ่มญาติของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ โจทก์ กว่า 10 ราย เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง ส่วนเยาวชนหญิงและครอบครัว รวมถึงทนายความ ไม่ได้เดินทางมาศาล
ขณะที่ พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ บิดาของ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ หนึ่งในผู้เสียชีวิต นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต กล่าวว่า คำสั่งของศาลที่ให้ชดใช้เงินกับญาติแต่ละรายนั้น คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนเงินที่เรียกร้องไป ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่เห็นว่าน้อยเกินไป แต่ก็เคารพคำตัดสินของศาล
จากนี้กลุ่มทนายความของโจทก์ จะประชุมหารือกันในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ว่าจะยื่นอุทธรณ์ หรือไม่ และหากยื่นอุทธรณ์ จะยื่นในประเด็นใด ส่วนค่าสินไหมทดแทนที่ศาลสั่งจ่าย แตกต่างกันออกไป ทั้งค่าขาดไร้อุปการะ, ค่ารักษาพยาบาล , ค่าเดินทางรักษาตัว และค่าทุกข์ทรมานจากการรักษาอาการบาดเจ็บ ทั้งนี้ คาดว่าทางฝ่ายจำเลยจะมีการยื่นอุทธรณ์เช่นกัน เพื่อยืดเวลาการจ่ายค่าเสียหายออกไป และหลังเกิดเหตุมาแล้ว 5 ปี ทางฝ่ายจำเลยก็ไม่เคยมาพบกับกลุ่มผู้เสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีอาญาที่ น.ส.แพร (นามสมมุติ) ถูกอัยการฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 1 ยื่นฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เป็นคดีดำหมายที่ 1233/2554 เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.54 ในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาท จนเป็นเหตุในผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงแก่ความตาย และทรัพย์สินเสียหาย นั้น ซึ่งขณะเกิดเหตุเยาวชนหญิง มีอายุ 16 ปีนั้น คดีได้ถึงที่สุดแล้ว โดยศาลเยาวชนฯ มีคำพิพากษาวันที่ 31 ส.ค.55 ให้จำคุก 3 ปี ความผิดฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ซึ่งคำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ลดโทษให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยโทษจำคุกนั้น ให้รอลงอาญากำหนด 3 ปีและให้คุมประพฤติจำเลยโดยให้รายงานตัวทุกๆ 3 เดือน พร้อมให้ทำงานบริการสังคมโดยการดูแลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง รวมทั้งห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 เม.ย.57 เช่นเดียวกับศาลชั้นต้น โดยให้เพิ่มระยะเวลาการรอลงอาญา เป็น 4 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี ในช่วงเวลารอลงอาญา 4 ปี ขณะที่จำเลย ได้ยื่นฎีกาสู้คดี แต่ปรากฏว่า ศาลไม่รับฎีกา จึงทำให้คดีสิ้นสุดตามคำพิพากษาดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันเยาวชนนั้นมีอายุ 21 ปี

logoline