ไฟไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ย่านหนองจอก

ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ อาทิ โต๊ะ ตู้ และเตียง ซึ่งทำจากไม้ ปลูกอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา พบแสงเพลิงและกลุ่มควันจำนวนมาก พร้อมกับมีเสียงระเบิดเป็นระยะๆ เนื่องจากได้มีการเก็บถังทินเนอร์จำนวนมากไว้ด้านในโรงงาน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงเป็นอย่างดี โดยเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันฉีดน้ำสกัดเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งเพลิงได้เผาไหม้โรงงานเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้เพลิงยังได้ลุกลามไปยังบ้านเลขที่ 24/4 ที่อยู่ข้างเคียงจนได้รับความเสียหายไปอีกหนึ่งหลังจากการตรวจสอบพบรถยนต์กระบะจำนวน 1 คัน และรถจักรยานยนต์ อีก 3 คัน ที่จอดอยู่ในโรงงาน ถูกเพลิงไหม้เสียหายเช่นเดียวกัน และยังมีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน สฉ 7018 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ข้างเคียงได้รับความเสียหายอีก 1 คัน แต่ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
สอบสวนนายสุรัตน์ มามูเลาะ อายุ 38 ปี เจ้าของโรงงาน กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้นอนหลับพักผ่อนอยู่ที่ภายในโรงงานดังกล่าว ส่วนลูกน้องได้ออกไปข้างนอก ก่อนเกิดเหตุได้มีเพื่อนบ้านตะโกนบอกกับตนว่าไฟไหม้ เมื่อลุกขึ้นมาดูก็พบว่าไฟกำลังลุกไหม้อยู่บริเวณกองไม้ที่ใช้เตรียมทำเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งตรงนั้นจะมีปลั๊กเอาไว้เสียบสายไฟอยู่ ตนจึงพยายามเข้าไปดับไฟ แต่ไม่ไหว เนื่องจากภายในโรงงานมีแต่วัสดุติดไฟเป็นอย่างดีทั้งหมด จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ
แต่ที่น่าเจ็บใจเป็นที่สุดก็คือ ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาเดินทางมาช้ามาก เมื่อมาถึงรถดับเพลิงบางคันน้ำก็ไม่ค่อยไหล ทำให้ไฟนั้นขยายวงกว้างลุกไหม้จนเสียหายไปหมดทั้งโรงงาน ซึ่งตนก็ยังได้ถ่ายคลิปเอาไว้อีกด้วย แต่ก็ต้องขอบคุณที่ได้เดินทางมาช่วยเหลือดับเพลิงในครั้งนี้ นายสุรัตน์ กล่าวอย่างเสียอารมณ์
ด้านนางวีณา ช้างแก้ว ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตหนองจอก เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้ประสานเจ้าหน้าที่วิศวกรฝ่ายโยธา ให้เตรียมเข้าตรวจสอบโรงงานดังกล่าวแล้ว ซึ่งก็จะต้องรอให้เพลิงสงบดีก่อน แต่เท่าที่สังเกตุจากสายตาก็พบว่า โครงสร้างของอาคารนั้นได้เสียหายทั้งหมด จึงได้เตรียมเสนอให้ปิดโรงงานดังกล่าวอย่างไม่มีกำหนด เพื่อรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ รวมถึงบ้านเลขที่ 24/4 ที่อยู่ข้างเคียงด้วย เนื่องจากพบว่าโครงสร้างตัวบ้านนั้นก็ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกันอย่างไรก็ตามทางในช่วงเช้าหลังฟ้าสาง ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) จะได้เข้าตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้อย่างละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้จะได้เรียกเจ้าของโรงานและพยานแวดล้อมมาทำการสอบปากคำ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และเตรียมประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด