รวบหนุ่มรัสเซีย ถือพาสปอร์ตประเทศสเปนปลอม จะออกเขมร

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 19 พ.ย. 58 จากกรณีเกิดเหตุก่อการร้ายที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม.ได้สั่งการด่วนแจ้งให้ ตม.ทั่วประเทศ เพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองบุคคลเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร และ พล.ต.ต.ธำรงค์ แสงวัฒนกุล ผบก.ตม.3ได้มีหนังสือสั่งการด่วนที่สุด กำชับให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว เข้มงวดกวดขันอย่างเคร่งครัดในการตรวจสอบบุคคลสัญชาติกลุ่มเป้าหมายและกลุ่มเฝ้าระวัง ที่เดินทางผ่านเข้า-ออก ราชอาณาจักร บริเวณด่าน ตม.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อย่างเข้มงวด ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ดังนั้น พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ พ.ต.ท.เรืองเดช ธรรมนันท์ สว.ตม.จว.สระแก้ว ประสานความร่วมมือกับ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1201ฉก.กรม.ทพ.12กกล.บูรพา(ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่1201หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่12กองกำลังบูรพา) สนธิกำลังร่วมกันเฝ้าตรวจบุคคลเดินทางเข้า-ออก ราชอาณาจักร บริเวณจุดตรวจหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว พร้อมทั้งนำกำลัง จนท.นอกเครื่องแบบ ออกหาข่าวทางลับบริเวณโดยรอบ ด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ด้วย เพื่อป้องกันและสกัดกั้นกลุ่มบุคคลสัญชาติเป้าหมายและเฝ้าระวัง เดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร
ต่อมา จนท.ได้ตรวจพบชายชาวต่างชาติต้องสงสัยลักษณะหน้าตาคล้ายแขกขาวหรือกลุ่มเป้าหมาย เดินออกมาจากตลาดโรงเกลือ มุ่งหน้าเข้าอาคารตรวจหนังสือเดินทางขาออก ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว เพื่อเดินทางออกไปประเทศกัมพูชา จนท.จึงได้ติดตามเพื่อเฝ้าระวังจนถึง จุดตรวจผู้โดยสารขาออก ด่าน ตม.อรัญประเทศ จนท.จึงแสดงตัวขอตรวจหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) พบว่าเป็นพาสปอร์ตประเทศสเปน เลขที่AAG995253ระบุว่าชื่อ นาย อาตูโร ออเตโก(ARTURO ORTEGO) 
เมื่อ จนท.ตรวจสอบอย่างละเอียดพบพาสปอร์ตมีข้อสงสัย จนท.ตม.ประจำจุดตรวจ จึงแจ้งไปยัง พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.ฯมาร่วมตรวจสอบ แต่นายอาตูโร ออเตโก พยายามโวยวายว่า จนท.ไทยไม่อำนวยความสะดวกและทำงานล่าช้า แต่ จนท.ไม่สนใจ ได้ทำสำเนาพาสปอร์ตเล่มดังกล่าว ส่งไปตรวจสอบที่สถานเอกอัครราชทูตสเปน ประจำประเทศไทย ซึ่งได้แจ้งยืนยันมาว่าพาสปอร์ตเล่มดังกล่าวเป็นพาสปอร์ตปลอม เนื่องจากพาสปอร์ตปอร์ตดังกล่าวได้ถูกแจ้งหาย ไว้เมื่อวันที่9มิ.ย.58จนท.จึงได้ร่วมกันควบคุมตัวผู้ที่ถือพาสปอร์ตปลอมและอ้างตัวว่าชื่อนายอาตูโร ออเตโก มาทำการสอบสวนที่ห้องสืบสวน ด่าน ตม.อรัญประเทศ ร่วมกับ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1201ฯ เนื่องจากชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวมีหน้าตาคล้ายแขกขาวและเป็นกลุ่มเป้าหมายในการเฝ้าระวัง เพื่อสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวโยงกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอเอส หรือไม่

จากการสอบสวนเบื้องต้นโดยผ่านล่าม ชายชาวต่างชาติคนดังกล่าว ได้รับสารภาพว่าตนเองความจริงชื่อนายไอรัต คาบิเรียนน๊อฟ(AYRAT KHABIRYANOV)อายุ27ปี เป็นชาวรัสเซีย ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี จนวีซ่าหมดอายุมากว่า1ปี แล้ว ต่อมา จนท.ไทยได้ทำการกวาดล้างชาวต่างชาติเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายที่เมืองพัทยาฯ พรรคพวกชาติเดียวกันได้ติดต่อให้เดินทางไปซื้อพาสปอร์ตปลอมเล่มดังกล่าวมาจากแก๊งทำพาสปอร์ตปลอมที่ประเทศมาเลเซีย ในราคาเล่มละ10,000ดอลล่าสหรัฐฯและกำลังจะเดินทางออกไปกัมพูชา แต่มาถูก จนท.ไทยจับได้เสียก่อน และอ้างว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นสมาชิกใดๆในกลุ่มไอเอส ซึ่งเบื้องต้น จนท.ยังไม่ปักใจเชื่อ คำรับสารภาพของนายไอรัต คาบิเรียนน๊อฟ เกรงว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอส ได้เนื่องจากมีการติดต่อซื้อขายพาสปอร์ตปลอมกับแก๊งทำพาสปอร์ตปลอมจากประเทศมาเลเซีย
จากนั้น จึงร่วมกันควบคุมตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ดำเนินคดีข้อหามีและใช้หนังสือเดินทางปลอม พร้อมทั้งให้มีการสืบสวนและสอบสวนในเชิงลึกเพื่อตรวจหาขบวนการปลอมพาสปอร์ตว่ามีส่วนพัวพันกับกลุ่มไอเอส หรือกลุ่มผู้ก่อการร้ายข้ามชาติหรือไม่ต่อไป
พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว เผยว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่านายไอรัต คาบิเรียนน๊อฟ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง และหนังสือเดินทางของประเทศสเปน เลขที่AAG995253ซึ่งเป็นหนังสือเดินทางของ นาย อาตูโร ออเตโก(ARTURO ORTEGO)และเป็นหนังสือเดินทางปลอม นั้นใช้ เทคโนโลยี ที่ทันสมัย และไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า หรือใช้เครื่องมือทั่วไปในการตรวจสอบได้ แต่จากปฏิภาณไหวพริบและความรู้งานด้านตรวจคนเข้าเมือง ของเจ้าหน้าที่ประจำช่องตรวจพบสิ่งผิดปกติของหนังสือเดินทาง ประกอบกับใช้ได้เครื่องมือตรวจพิสูจน์เอกสาร(VSC6000)ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยตามนโยบายของ ผบช.สตม.ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในงานตรวจคนเข้าเมือง มาตรวจสอบ จึงพบว่าเป็นหนังสือเดินทางปลอม จนผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่าเป็นหนังสือเดินทางปลอมจริง