บางจากฯ-บสย. จับมือ 3 แบงก์สานนโยบายรัฐหนุน SMEs ไทย

นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ ประธานกรรมการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า โครงการ บางจากฯ-บสย. ร่วมสนับสนุนสินเชื่อ SMEs ผ่านบัตรบางจากฟลีทการ์ด เป็นความร่วมมือที่สนับสนุนนโยบายการส่งเสริมเศรษฐกิจของภาครัฐ เพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs ทั้งระบบโดยเฉพาะภาคการขนส่ง ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อผ่านบัตรบางจากฟลีทการ์ดได้ง่ายขึ้น เพื่อลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงสำหรับการขนส่งสินค้าและบริการให้มีประสิทธิภาพ โดยบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จะเป็นภาคเอกชนไทยรายแรกที่เข้าร่วมโครงการ และจัดสรรงบประมาณเพื่อรับภาระการจ่ายค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อร่วมกับรัฐบาลแทนผู้ประกอบการที่ขอสินเชื่อบัตรบางจากฟลีทการ์ด ผ่านธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารทหารไทย 
"มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ SMEs ของรัฐบาลในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS5 ปรับปรุงใหม่ ตามมติครม. 8 กันยายน 2558 วงเงิน 1 แสนล้านบาท ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ SMEs และธนาคารพันธมิตรจำนวนมาก โดย บสย. ได้อนุมัติการค้ำประกันสินเชื่อไปแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท นับตั้งแต่เริ่มโครงการ คาดว่าโครงการนี้จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อประเภทฟลีทการ์ด สามารถเข้าได้ง่ายขึ้น ทำให้มีวงเงินสินเชื่อที่มากพอในการรองรับการซื้อน้ำมันส่งผลให้ธุรกิจเติบโตยิ่งขึ้น นายญาณศักดิ์ กล่าว 
ขณะที่นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ด้วยการช่วยชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อให้กับ บสย. แทนผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อบัตรฟลีทการ์ด ตลอดระยะเวลาโครงการ 7 ปี คิดเป็น 8.25% ของวงเงินค้ำประกัน ซึ่งจะเป็นการหนุนช่วยเหลือของรัฐบาลที่ช่วยรับภาระค่าธรรมเนียมค้ำประกันแทนผู้ประกอบการ SMEs 4 ปี รวม 4% และมั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยให้ SMEs สามารถดำเนินธุรกิจได้เต็มประสิทธิภาพและเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องมีภาระค่าธรรมเนียมค้ำประกัน เนื่องจาก3ธนาคารอนุมัติสินเชื่อเร็วขึ้นและและได้รับเครดิตเทอมในการชำระค่าน้ำมันสูงสุด 55 วัน ที่ช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินได้ดีขึ้น   
"คาดว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นนิติบุคคลเข้าถึงสินเชื่อไม่น้อยกว่า 2,000 ราย และธนาคารจะปล่อยสินเชื่อได้กว่า 1,000 ล้านบาท และพร้อมให้วงเงินสินเชื่อได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 เป็นต้นไป นายพงษ์ชัย กล่าว 
ส่วนนายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ธนาคารมีนโยบายชัดเจนเพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ และให้บริการธุรกรรมทางการเงินครบวงจร เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเติบโตอย่างมั่นคงและมั่งคั่ง ตามวิสัยทัศน์ KTB Growing Together หรือ กรุงไทยก้าวไกล ปกับคุณ โดยธนาคารกรุงไทยได้ปรับกระบวนการพิจารณาสินเชื่อใช้เวลาเพียง 7 วันทำการ หลังจากที่ลูกค้ายื่นเอกสารครบถ้วน คาดว่าสินเชื่อบัตรฟลีทการ์ดจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ SMEs จำนวนมาก และธนาคารสามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น 10%
นายพจนารถ แสงพฤกษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานผลิตภัณฑ์ บรรษัทและผู้ประกอบการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการนี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ธนาคารกสิกรไทยเองก็ให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณลักษณะให้บริการให้ดียิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในกลุ่มผู้ประกอบการด้านการขนส่ง หรือผู้ประกอบการที่มีต้นทุนการขนส่งเป็นค่าน้ำมัน ซึ่งบัตรเครดิตนิติบุคคลฟลีทการ์ด ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าปีหน้าแนวโน้มการใช้บัตรจะเพิ่มขึ้นแน่นอน 
ด้านนายวิกรานต์ ปวโรจน์กิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)  กล่าวเสริมว่า ธนาคารเข้าร่วมโครงการนี้เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น รวมถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากผลิตภัณฑ์บัตรเติมน้ำมัน (TMB Fleet Card) อาทิ การบริหารจัดการต้นทุน การควบคุมค่าใช้จ่าย การจัดการด้านการเงินของบริษัทให้คล่องตัวขึ้น  โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของทีเอ็มบี สำหรับโครงการนี้คือ ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วประเทศ เป็นต้น โดยปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าสินเชื่อซึ่งเป็นผู้ประกอบการ SMEs กว่า 60,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าที่ใช้บัตรเติมน้ำมันของธนาคาร ราว 1,500 ราย ดูแลโดยเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บริการดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า SMEs กว่า 500 ท่าน จากศูนย์ทั่วประเทศ