ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 12 ต.ค.58 เวลา11.00น. นายเคท ครั้งพิบูลย์ อายุ 29ปี ซึ่งปัจจุบันมีอัตลักษณ์ทางเพศ เป็นแบบเพศหญิง อาจารย์พิเศษ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และวิทยากรบรรยายเรื่องเพศสภาพ เพศวิถีในองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) พร้อม นายนคร ชมพูชาติ ทนายความ เดินทางมา ยื่นฟ้อง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย (ก.บ.ม.) เป็นผู้ถูกฟ้องที่1 - 2เรื่องกระทำการโดยใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย และกระทำละเมิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย กรณีที่การประชุม ก.บ.ม.ครั้งที่5เมื่อวันที่2มีนาคม2558เรื่องคณะกรรมการกลั่นกรอง การบรรจุอาจารย์ มีมติเสียงข้างมาก ขออนุมัติ ไม่จ้างผู้ฟ้อง เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย สายวิชาการตำแหน่งอาจารย์ และยังมีมติที่ประชุมครั้งที่10/2558เมื่อวันที่22มิถุนายน2558 เรื่องพิจารณาการอุทธรณ์มติ ก.บ.ม.ซึ่งยืนยันตามมติเดิมไม่จ้างผู้ฟ้องเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยโดยคำฟ้อง ระบุว่า เมื่อวันที่7กุมภาพันธ์2557คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มธ.ได้เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเป็นอาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มธ.ศูนย์ลำปาง ซึ่งผู้ฟ้องได้สมัครและได้สิทธิเข้าสัมภาษณ์ กระทั่งเมื่อวันที่30พฤษภาคม2557ผู้ฟ้องมีชื่อเป็นผู้ผ่านการคัดเลือก และได้มีการประกาศรายชื่อเมื่อวันที่6มิถุนายน2557แล้ว คณะสังคมศาสตร์ได้เสนออนุมัติรายชื่อผู้ฟ้อง เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์ ตามบันทึกคณะสังคมศาสตร์ ลงวันที่22กรกฎาคม2557แต่เวลาล่วงเลยมา242วัน ก.บ.ม.ผู้ถูกฟ้องที่2ก็ยังไม่แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ฟ้องทราบ ซึ่งผู้ฟ้องได้มีหนังสื่อถึงอธิการบดี มธ.ในฐานะประธาน ก.บ.ม.เพื่อสอบถามความคืบหน้าการพิจารณาอนุมัติตามประกาศผลการคัดเลือก กระทั่งเมื่อวันที่20มีนาคม2558คณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ได้มีหนังสือถึงผู้ฟ้องแจ้งว่า ก.บ.ม.ผู้ถูกฟ้องที่2มีมติเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2558 ไม่เห็นชอบจ้างผู้ฟ้องเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจรย์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ โดยในรายงานการประชุม และมีมติของ ก.บ.ม เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2558 รองอธิการบดีฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์ แถลงต่อที่ประชุมว่า คณะกรรมการกลั่นกรองการบรรจุอาจารย์ เสนอความเห็นไม่สมควรจ้างผู้ฟ้อง เนื่องจากมีข้อมูลเพิ่มจากหลายด้านพบว่า ผู้ฟ้องแสดงพฤติกรรมในการใช้วาจาและแสดงภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมต่อที่สาธารณะจนอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์การเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งที่ประชุม ก.บ.ม.ลงคะแนนลับโดยมีมติเสียงข้างมากเห็นชอบที่จะไม่จ้าง ซึ่งผู้ฟ้องไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าวเพราะเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายในการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมตินั้นยังฝ่าฝืนต่อระเบียบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ในการพิจารณาที่เป็นการเลือกปฏิบัติ
ต่อมาผู้ฟ้อง จึงได้อุทธรณ์มติของ ก.บ.ม ดังกล่าว เพื่อให้ทบทวนมติและเปิดโอกาสให้ผู้ฟ้องได้ชี้แจง ซึ่งต่อมา ก.บ.ม.มีมติที่ประชุมครั้งที่10/2558เมื่อวันที่22มิถุนายน2558 ยืนยันตามความเห็น คณะกรรมการกลั่นกรองบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งอาจารย์ ที่เห็นพ้องกันว่าข้อมูล และคำชี้แจงต่างๆ ที่ผู้ฟ้อง นำมาเพิ่มเติมไม่สามารถหักล้างความเห็นของ ก.บ.มในการประชุมที่ผ่านมาได้ จึงมีมติยืนยันไม่สมควรจ้างผู้ฟ้องเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยโดยไม่มีกรรมการใดคัดค้าน ซึ่งผู้ฟ้องเห็นว่า มตินั้นไม่ได้จัดให้มีเหตุผล และไม่เปิดโอกาสให้ผู้ฟ้องได้โต้แย้งแสดงหลักฐานตามกฎหมาย กระทำโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน หรือโดยไม่สุจริตมีลักษณะเลือกปฎิบัติไม่เป็นธรรม ทำให้ผู้ฟ้องได้รับความเสียหายและยังฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ในการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ซึ่งผู้ฟ้องได้รับความคุ้มครองดังนั้นจึงขอให้ศาลปกครองกลาง พิพากษาสั่งเพิกถอน มติการประชุม ก.บ.ม.ครั้งที่5/2228เมื่อวันที่2มีนาคม2558และครั้งที่10/2558เมื่อวันที่22มิถุนายน2558ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และขอให้ศาลสั่ง ก.บ.ม.ผู้ถูกฟ้องที่ 2 อนุมัติ ให้ผู้ฟ้อง เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์ ภาควิชาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษารวมทั้งให้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมจากการกระทำละเมิดนี้ แก่ผู้ฟ้องด้วย 363,000บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และค่าเสียหายจากการเสียโอกาสแก่ผู้ฟ้องด้วย อีกเดือนละ23,700บาท นับถัดจากวันฟ้อง จนกว่า ก.บ.ม.ผู้ถูกฟ้องที่ 2 จะอนุมัติให้ผู้ฟ้องเป็น พนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์ ภาควิชาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ปฏิบัติงาน คณะสังคมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง หรือในตำแหน่งอื่นที่เท่าเทียมกัน
โดยศาลปกครองกลาง ได้รับคำฟ้องไว้ในสารบบเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งว่ารับฟ้องหรือไม่ ต่อไปภายหลัง นายเคท กล่าวว่า การคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นพนักงานจะต้องมีความเป็นธรรม ซึ่งการฟ้องครั้งนี้เพื่อสิทธิมนุษยชนและอยากให้เป็นบรรทัดฐานให้สังคม ในเรื่องสิทธิและความเท่าเทียมทางเพศ ขณะที่ระหว่างนี้จะมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตนต้องการให้ระบุถึงสิทธิทางเพศด้วย เพราะเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนด้านนายนคร ชมพูชาติ ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้เป็นการตรวจสอบแนวคิดการวินิจฉัยการใช้ดุลยพินิจ รับคนเข้าทำงาน การตรวจสอบครั้งนี้เพื่อให้เห็นเหตุผลชัดเจนขึ้น แม้มหาวิทยาลัยจะอ้างหลักพิจารณาต่างๆ แต่ต้องมองเรื่องทางเพศวิถีในการประกอบการพิจารณาด้วย ตนหวังให้ศาลปกครองช่วยทำให้สังคมเห็นถึงความซับซ้อนต่างๆผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การเดินทางมาฟ้องคดีวันนี้ มีผู้สนับสนุน นายเคท ประมาณ 20 คน มามอบดอกไม้ ร่วมกันชูธงหลายสี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ความเท่าเทียมทางเพศ เพื่อให้กำลังใจนายเคท ด้วย