นายกฯ หาเสียงสนับสนุนสมัครสมาชิกคณะมนตรีไม่ถาวร

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาส่วนหนึ่งในระหว่างการไปร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ของสหประชาชาติ พบปะหารือแบบทวิภาคีกับประเทศที่มีขนาดเล็ก และไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือการขอเสียงสนับสนุนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

พลเอกประยุทธ์ได้พบหารือกับนายแกสตัน บราวน์ นายกรัฐมนตรีแอนติกาและบาร์บูดา ในช่วงก่อนอาหารกลางวันของวันที่ 27 กันยายน เป็นเวลา 20 นาที โดยเป็นการแนะนำตัวและแจ้งให้ทราบว่าประเทศไทยกำลังสมัครชิงตำแหน่งในคณะมนตรีความมั่นคงฯ

ซึ่งแอนติกาและบาร์บูดา เป็นประเทศเดียวที่มีเกาะใหญ่สองเกาะและหมู่เกาะอีกจำนวนหนึ่ง มีที่ตั้งอยู่บริเวณที่ทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแอตแลนติกมาบรรจบกัน มีพื้นที่รวม 440 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 90,000 คน ๆ และเคยเป็นประเทศในอาณานิคมอังกฤษ ได้รับเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2524 ปัจจุบัน มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบมีพระราชินีเป็นประมุข

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 กันยายน พลเอกประยุทธ์ได้พบปะหารือแบบทวิภาคีกับนายโจเซเอีย โวเรเก ไบนิมารามา หรือ "แฟรงค์ ไบนิมารามา" นายกรัฐมนตรีของฟิจิ เป็นเวลา 20 นาที โดยเป็นการแนะนำตัวและทำความรู้จักกันเช่นกัน ซึ่งฟิจิเป็นประเทศหมู่เกาะในแปซิฟิกใต้ และขึ้นชื่อในเรื่องการทำรัฐประหารบ่อยครั้ง


โดยเฉพาะการทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 เกิดขึ้นหลังจากประเทศไทยเพียง 2 เดือนเศษ และทหารของนายไบนิมารามา ใช้เวลาร่างรัฐธรรมนูญ ที่ถูกยกเลิกในปี 2552 จนกระทั่งปี 2556 จึงได้ประกาศใช้ก่อนที่จะจัดการเลือกตั้งในเดือนกันยายนปี 2557 โดยพรรคของนายไบนิมารามา ชนะการเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจนปัจจุบัน และมีโอกาสได้พบกับพลเอกประยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้นำการยึดอำนาจในประเทศไทย

ในวันเดียวกัน พลเอกประยุทธ์ได้พบกับประธานาธิบดีมิลอช เซมัน ของสาธารณรัฐเช็ก เป็นเวลา 20 นาที ตามด้วยการหารือกับประธานาธิบดีเอมอมาลี เราะห์มาน ของทาจิกิสถาน เป็นเวลา 20 นาทีเช่นกัน สาธารณรัฐเช็กเป็นประเทศอดีตสังคมนิยมในยุโรปตะวันออก ส่วนทาจิสถาน เป็นประเทศในเอเชียกลางมีพรมแดนติดอัฟกานิสถานและจีน

เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศอธิบายว่า แม้ว่าประเทศเหล่านั้นจะเป็นประเทศเล็กและไม่เป็นที่รู้จักหรือมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจการเมืองร่วมกับไทยมากนัก แต่ในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ประเทศเหล่านั้น มี 1 คะแนนเสียงเท่ากัน การที่นายกรัฐมนตรีของไทยขอพบปะหาหรือกับผู้นำประเทศเหล่านั้นย่อมสร้างความประทับใจแก่พวกเขาที่ได้รับเกียรติและทำให้ประเทศเหล่านั้นรู้จักและเข้าใจประเทศไทยมากขึ้น

ประเทศไทยสมัครเข้าชิงตำแหน่งว่างของสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในระหว่างปี 2560-2561 การเข้าสู่ตำแหน่งนี้ใช้วิธีเลือกตั้งโดยการลงคะแนนของประเทศสมาชิก คาดกว่าการลงคะแนนจะเกิดขึ้นในกลางปีหน้า ส่วนผู้นำประเทศขนาดใหญ่ที่พลเอกประยุทธ์ได้พบปะหารือ ที่เรียกว่า การพบปะริมระเบียง (corridor meeting) คือ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน เป็นเวลา 20 นาที