ความพร้อมเจ้าถิ่นเกมนี้ไม่มีผู้เล่นติดโทษแบน แต่ยังคงไม่มี สุทธินันท์ พุกหอม ปราการหลังทีมชาติที่ยังคงบาดเจ็บ ทำให้ แอนเดอร์สัน ดอส ซานโตส กับ ชลทิตย์ จันทคาม ต้องจับคู่กันในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ส่วนผู้รักษาประตูยังคงเป็น สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ขณะที่แดนกลางจะได้ นูรูล ศรียานเก็ม หายเจ็บกลับมาลากเลื้อยทางฝั่งขวา โดยมี เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ทำเกมกราบซ้าย และคู่กองหน้าส่ง ติอาโก คุนญา กับ เลอันโดร อัสซัมเซา
ด้านบุรีรัมย์ นอกจาก นฤพล อารมณ์สวะ ที่เจ็บยาว ที่เหลือพร้อมลงสนามทั้งหมดเพราะไม่มีใครติดโทษแบนเช่นกัน โดย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ยังคงเฝ้าเสาต่อไป โดยมี อันเดรส ตูเนซ กับ กรวิทย์ นามวิเศษ คุมแนวรับ ส่วน ธีราทร บุญมาทัน, จักรพันธ์ แก้วพรม ทำเกมให้ กิลเบอร์โต มาเชนา กับ ดิโอโก ซานโต ล่าตาข่าย
ทั้งนี้ สถิติที่ทั้ง 2 ทีมเคยพบกันรวมทุกรายการ ปรากฏว่าเจอกัน 16 ครั้ง ชลบุรี ชนะ 4 เสมอ 4 บุรีรัมย์ ชนะ 8 โดยเจอกันครั้งล่าสุดคือฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่บ้านของชลบุรี ปรากฏว่า บุรีรัมย์ บุกชนะ 2-1 ขณะที่การเจอกันของทั้งคู่ในรายการนี้พบกันเพียงครั้งเดียวเมื่อปี 2012 รอบ 32 ทีมสุดท้าย บุรีรัมย์ เฉือนชนะ 3-2
ขณะเดียวกันเกมนัดนี้จะมีแฟนบอลเข้าชมในสนามเต็มความจุ 8,600 ที่นั่งแน่นอน เนื่องจากบัตรเข้าชมถูกจำหน่ายหมดลงแล้ว โดยแฟนบอลทีมเยือนได้ตั๋ว 1,500 ที่นั่ง นอกนั้นเป็นของแฟนบอลชลบุรีทั้งหมด นอกจากนั้นเจ้าบ้านได้เตรียมเจ้าหน้าที่มาดูแลรักษาความปลอดภัยหลายร้อยนายด้วยกัน
ส่วนโปรแกรมอีก 3 คู่ เวลา 18.00 น. ชัยนาท พบ ราชบุรี ที่สนามเขาพลอง ถ่ายทอดสดทรูสปอร์ต 6, เวลา 19.00 น. เอสซีจี เมืองทองฯ พบ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่สนามเอสซีจี ถ่ายทอดสดทรูสปอร์ต เอชดี 3 และเวลาเดียวกันเพื่อนตำรวจ หนึ่งเดียวจากดิวิชั่น 1 พบ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ที่สนามบุณยะจินดา ถ่ายทอดสดทรูสปอร์ต 5