กทม.ยันกล้อง CCTV ใช้งานได้จริงสอบบึ้มราชประสงค์

เมื่อเวลา 11.32 น.นางเบญทราย กียปัจจ์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่ากทม. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. และนายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ร่วมแถลงข่าว "ความจริงเรื่องกล้องวงจรปิด( CCTV) เหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์"  พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวที่ทำให้กทม.เกิดความเสียหาย และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในการทำหน้าที่ของกทม. ขอยืนยันว่ากทม.ได้ทำงานและร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคงมาโดยตลอดทั้งในเรื่องกล้องวงจรปิด ซึ่งในวันเกิดเหตุ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ในที่เกิดเหตุและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกทม.ทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงตั้งแต่วินาทีแรก ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงได้ประสานเรื่องขอดูกล้องวงจรปิดในพื้นที่เกิดเหตุ มาแล้วทั้งหมด 48 ครั้ง ซึ่งภาพที่ได้ส่วนใหญ่ก็ เกิดจากกล้องของ กทม.โดยในรอบพื้นที่เกิดเหตุมีกล้องทั้งหมด 107 ตัว ขณะนั้นมีกล้องชำรุดตามสภาพการใช้งาน จำนวน 4 ตัวเท่านั้น ซึ่งมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ คดีต่างๆ ที่ผ่านมา ทุกคดี เกิดจากการดูหลักฐานจากกล้องวงจรปิดของกทม. แต่กทม.กลับไม่ได้รับการชมเชยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในคดีต่างๆต้องดูทั้งพยานหลักฐาน พยานบุคคลพยานแวดล้อม โดยมีกล้องวงจรปิดเป็นปัจจัยหนึ่งในการสอบสวนเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาการขอกล้องวงจรปิดจะต้องมีเอกสารมาขออนุญาติแต่ กทม.ก็มีการอะลุ่มอล่วยบ้าง จึงขอให้เข้าใจการทำงานของกทม.ด้วย  นางเบญทราย กล่าวว่า ขอชี้แจงว่าถ้าเป็นข่าวที่เกิดความเสียหายกับองค์กรอยากให้สื่อมวลชนช่วยตระหนักตรงนี้ด้วย เพราะทุกคนก็เป็นห่วงบ้านเมือง อยากให้มีการจับคนร้ายมาให้ได้ ซึ่งวันนี้กล้องทั้ง 107 ตัว ทำงานเป็นปกติ แต่การพาดหัวข่าวออนไลน์ อาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง ส่วนกรณีที่ พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สั่งการให้กทม.ไปซ่อมกล้องนั้น  ผู้ว่าฯกทม.ได้ ให้นโยบายตั้งแต่วันที่เกิดเหตุให้เจ้าหน้าที่ กทม.ทำงานร่วมือกับฝ่ายความมั่นคงอย่างเต็มที่ และพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะวันนี้ทุกคนทำงานหนักต้องการกำลังใจ หากมีอะไรไม่ดี ก็พร้อมจะปรับปรุงและแก้ไข วันนี้ต้องการให้ทราบข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ซึ่ง กทม.ไม่ได้ ปัดความรับผิดชอบ แต่กล้องที่สถานีรถไฟหัวลำโพงก็เป็นของการรถไฟ ส่วนกล้องที่โรงพยาบาลจุฬาก็เป็นของโรงพยาบาลจุฬา ดังนั้นหากหน่วยงานไหนประสานงานมา กทม.พร้อมที่จะเข้าไปดูแลให้ ทั้งนี้ ขอให้สื่อมวลชน ดูข้อเท็จจริงตรงนี้ กับผู้ที่เสียหายด้วย เพราะวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ ว่า กทม.เสียหาย หากมีข้อดีหรือข้อเสียก็ขอให้เสนอข่าวให้เท่าๆกัน  ขณะที่ นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า ภายหลังได้ ทราบเส้นทางการหลบหนีของผู้ต้องสงสัยกทม.ได้ตรวจสอบเส้นทางซึ่งพบว่ามีกล้องในพื้นที่ทั้งหมด 57 ตัว ชำรุด 4 ตัว ในพื้นที่แยกราชประสงค์ 1 ตัว  ถนนสีลม 1 ตัว  และแยกนราธิวาสฯ 2 ตัว แต่ได้แก้ไขไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นกล้องของ กทม.โดยหน่วยงานความมั่นคงได้เข้ามาขอดูกล้องในบริเวณดังกล่าว  ทั้งนี้ในพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ มีกล้องของกทม.ประมาณ 41,000 ตัว ขณะนี้อยู่ในสภาพใช้งานได้ทุกตัว ส่วนในโครงการติดกล้อง กล้องวงจรปิดเพิ่มเติมซึ่งอยู่ระหว่างบรรจุไฟฟ้านั้น มีประมาณ 2,000 ตัวในพื้นที่ถึง  200-300 จุด  โดยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ฝั่งธนบุรี
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อว่า กล้องของกทม.ถือว่า มีมาตรฐานสูงมากในอันดับต้นๆ ของโลกซึ่งในบางจุดที่กล้องไม่สามารถตรวจภาพได้ชัดเป็นเพราะมุมของกล้องและระยะห่างของการติดตัั้งกล้อง  ซึ่งกล้องมีหลายประเภท ทั้งกล้องที่ดูเรื่องของความมั่นคง กล้องที่ดูเรื่องการจราจร จึงต้องดูว่ากล้องแต่ละประเภทเป็นอย่างไร อาทิ กล้องจับทะเบียนรถยนต์จะเหมารวมว่าจะให้กล้องทุกตัวชัดเช่นเดียวกับกล้องจับทะเบียนรถยนต์คงไม่ได้ หรือบางกล้องที่ดูเรื่องด้านความมั่นคง ดูการชุมนุมต่างๆ ก็ต้องดูในภาพรวมจะให้ กล้องชัดคงไม่ได้ อย่างไรก็ตามยอมรับว่า สภาพของกล้องต้องมีการชำรุดตามสภาพบ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังใช้งานได้ ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานด้านความมั่นคงไม่เคยกล่าวว่า กทม. แต่ขอบคุณและชื่นชมกทม.ที่ให้ความร่วมมือทุกเรื่อง   "ส่วนกรณีที่ มท.1สั่งการให้ กทม.ตรวจสอบกล้องนั้น เข้าใจว่า ท่าน มท.1เป็นห่วงบ้านเมืองห่วงการทำงานของทุกหน่วยงานในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาก็ต้องสั่งการให้ดูแล หากเป็นการจับผิดกทม.คงไม่ใช่  เพราะท่านมท.1 สั่งการในภาพรวมเท่านั้น ขณะนี้กล้องวงจรปิดในจุดสำคัญ มีความพร้อมทั้งหมด ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ กทม.ดูแลพื้ที่จุดเสี่ยง ซึ่งผู้ว่าฯกทม.ได้ดำเนินการตามสั่งเรียบร้อยแล้ว" พล.ต.ต.วิชัย กล่าว