จากกรณีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน และประธานกลุ่มวิทยาตลาดทุนกิจการเพื่อสังคม (วตท.) รุ่นที่20เสียชีวิต ขณะที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ ขับรถยนต์เล็กซัส สีดำ ไปส่งนายชูวงษ์ กลับบ้านพัก เหตุเกิดเมื่อวันที่26มิถุนายนที่ผ่านมา ต่อมาญาตินายชูวงษ์ ได้เข้าร้องเรียนกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เพื่อขอรื้อคดีขึ้นมาสอบสวนใหม่ เนื่องจากยังติดใจการเสียชีวิตในหลายประเด็น รวมทั้งร้องเรียนกับทางกองบังคับการปราบปรามให้ช่วยตรวจสอบ หลังจากพบการโอนหุ้นของเสี่ยจืด มูลค่ารวมเกือบ300ล้านบาท ให้ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาว และ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาวคนสนิทก่อนเสียชีวิต
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการทำธุรกรรมโอนหุ้นนั้น ไม่ใช่เบอร์ของนายชูวงษ์ แต่เป็นเบอร์ที่จดในนามบริษัทของคนใกล้ชิด พ.ต.ท.บรรยิน จากนั้นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย
1.พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 52 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.560/2558 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2558 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือรับของโจร
2.น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล อายุ 26 ปี ตามหมายจับอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.563/2558 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2558 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือรับของโจร
3.น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล อายุ 26 ปี ตามหมายจับอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.562/2558 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2558 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
และ 4.น.ส.ศรีธรา พรหมา อายุ 52 ปี มารดาของ น.ส.อุรชา ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.561/2558 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2558 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.35 น. วันที่ 25 สิงหาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.ท.บรรยิน พร้อมนายบัญชา ชัยจำ ทนายความส่วนตัว เดินทางเข้ามอบตัวรับทราบข้อหาและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. โดยมี พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผบก.ป. พ.ต.อ.สรายุทธ สงวน รองผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป.พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ เกิดเอี่ยม พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ กก.1บก.ป. รอสอบปากคำ พ.ต.ท.บรรยิน
พ.ต.ท.บรรยิน เปิดเผยก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า คดีนี้ทราบจากสื่อมวลชนว่าถูกพนักงานสอบสวน บก.ป.ออกหมายจับ ซึ่งไม่ได้เกินไปกว่าความคาดหมายตั้งแต่แรก อย่างไรก็ดี ตนพร้อมจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุดและยืนยันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยเรื่องของการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ นั้น ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการของนายชูวงษ์ เอง ซึ่งตนไม่ได้ประโยชน์อะไร และอยากตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ ทาง บก.ป.ก็เร่งรีบอายัดหุ้นทันที แล้วก็มารวบรวมพยานหลักฐานมันก็เป็นปัญหา ดังนั้นขอเรียนให้ทราบว่าวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้น พยานที่ให้ปากคำในคดีนี้เป็นพยานฝ่ายเดียว เป็นพยานที่พนักงานสอบสวนเป็นฝ่ายรวบรวม แต่พยานฝ่ายตนยังไม่ได้มาให้การ ยังไม่มาเป็นพยานในคดีเลย
พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวต่อว่า สิ่งที่สำคัญตนจะมาให้การในประเด็นสำคัญ คือ นายชูวงษ์ ก่อนตายได้โอนหุ้นตั้งแต่วันที่8-26มิถุนายนที่ผ่านมา จึงอยากจะสอบถามว่าทำไมนายชูวงษ์ ไม่เคยออกมาโวยวายเลยว่ามีการปลอมเอกสารนี่คือประเด็นสำคัญ แล้วอีกอย่างในวันเกิดเหตุ หากตนเป็นผู้ที่ไปปลอมแปลงเอกสาร แล้วเขาจะไปตีกอล์ฟกับตนหรือไม่ นี่คือเรื่องที่พนักงานสอบสวนจะต้องให้คำตอบ ซึ่งก็จะมาสอบถามว่าพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาด้วยเหตุผลอะไร นี่คือสิ่งที่จะต้องพิสูจน์ ซึ่งตนจะให้การด้วยพยานหลักฐานต่างๆ เพราะเดิมทีได้เคยเตือนพนักงานสอบสวนไปแล้วว่าการจะออกหมายจับใคร มีพยานหลักฐานเพียงพอแล้วหรือไม่ทั้งนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัวแล้ว เป็นโฉนดที่ดิน และเงินสดจำนวนหนึ่ง
สิ่งที่ผมพูดว่าเหตุใด คุณชูวงษ์ รับรู้รับทราบเรื่องการโอนหุ้นแล้วทำไมถึงไม่แจ้งว่ามีคนมาปลอมเอกสาร หากรู้แล้วทำไมไม่ดำเนินการ วันนี้ผมจะให้การในฐานะผู้ต้องหา ก็จะให้พนักงานสอบสวนนั้นไปสอบสวนพยานเหล่านี้ หากไม่ดำเนินการ สิ่งที่ท่านได้ทำในวันนี้ถือว่าท่านได้กระทำการบกพร่องหรือไม่ โดยเฉพาะในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันนี้คือสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายพ.ต.ท.บรรยิน กล่าว และว่า ส่วนผู้ที่แจ้งความดำเนินคดีตนนั้น ในฐานะที่เป็นผู้แจ้ง ก็ต้องพร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากต่อมาพิสูจน์ได้ว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริง ต้องรับผิดชอบในข้อหาแจ้งความเท็จเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ให้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.บรรยินได้นำปากกาที่ซื้อมาจากร้านบีทูเอส (B2S) จำนวนหลายด้าม ก่อนที่จะนำมาเขียนลงในกระดาษ พร้อมใช้ยางลบที่ปลายด้ามปากกา ลบรอยออก เพื่อแสดงให้สื่อมวลชนเห็นว่าปากกาดังกล่าวสามารถเขียนและลบได้ในด้ามเดียวกัน ทั้งยังกล่าวยืนยันว่า ปกตินายชูวงษ์มักจะใช้ปากกาลักษณะนี้ในการทำธุรกรรมเป็นประจำ และขณะที่มีการเขียนและลบข้อความจากจำนำหุ้น เป็นโอนหุ้นนั้น ตนนั่งอยู่กับนายชูวงษ์เพียง 2 คนเท่านั้น จึงไม่มีบุคคลใดรู้เห็นด้วย
ด้านพล.ต.ต.อัคราเดช เปิดเผยว่า พ.ต.ท.บรรยินเดินทางเข้ารับทราบข้อหา เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหา พร้อมสอบปากคำ ทั้งนี้ในเรื่องที่จะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาตามองค์ประกอบ 3 ข้อ คือจะมีพฤติการณ์หลบหนีหรือไม่ หรือหากให้ประกันตัวแล้วจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ หรือมีพฤติการณ์ข่มขู่พยานหรือไม่ อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ ต้องสอบปากคำให้แล้วเสร็จจึงจะพิจารณาอีกครั้ง
ทั้งนี้ในส่วนผู้ต้องหาอีก 3 รายที่เหลือ คือน.ส.กัญฐณา น.ส.อุรชา และน.ส.ศรีธรา แม่ของน.ส.อุรชา นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อเข้ามอบตัวแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 11.20 น. วันเดียวกัน นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ พร้อมด้วย นายกันต์ แซ่ตั๊ง และนายเอนก คำชุ่ม พี่สาว ลูกชาย และทนายความของนายชูวงษ์ ได้เดินทางมาที่ บก.ป. เพื่อยยื่นหนังสือคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เนื่องจากเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งหมดที่ถูกออกมหายจับครั้งนี้น่าจะมีการเตรียมความพร้อมเพื่อขอประกันตัว
นายเอนก กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องมาก่อนว่า พ.ต.ท.บรรยิน ให้การว่า นายชูวงษ์มีการใช้ปากกาที่ลบได้ ซึ่งเชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำงานตามข้อเท็จจริง เอกสารทุกฉบับที่มีการแก้ไข แสดงให้เห็นถึงข้อเท็จจริงอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเสียชีวิตนั้น ทางครอบครัวมีการติดใจมาตั้งแต่ต้น เพียงแต่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้พวกตนได้ขอความอนุเคราะห์ไปยังศูนย์โตโยต้าให้ช่วยตรวจสอบอีกทางหนึ่ง แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ โดยเช้าวันที่26 สิงหาคมนี้จะเดินทางไปติดตามเรื่องดังกล่าวที่ศูนย์โตโยต้า รพ.สิรินธร และนิติเวช เพื่อพบแพทย์ที่ชันสูตรนายชูวงษ์ต่อไปรายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับปากกาลบได้เป็นที่นิยมที่ประเทศญี่ปุ่น และเป็นที่แพร่หลายในประเทศไทยในขณะนี้ สาเหตุที่ปากกาลบได้นั้น เนื่องจากการใช้น้ำหมึกพิเศษที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาร่วมกัน ตามอุณหภูมิที่เกิดจาการการเสียดสี ระหว่างสารประกอบ 3 ชนิด คือ สีหมึก สารที่ทำให้หมึกเกิดสี และ สารที่ทำให้สีเปลี่ยนตามอุณหภูมิที่เกิดจากการเสียดสี
หลักการทำงานก็คือ ในอุณหภูมิปกติหมึกที่เขียนออกมาจะเกิดขึ้นจากการผสมกัน ระหว่างสีหมึก และสารที่ทำให้เกิดสี โดยสารที่ทำให้สีเปลี่ยนตามอุณหภูมิจะไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ เมื่ออยู่ในอุณหภูมิปกติ แต่เมื่อใช้ยางลบที่ปลายปากกาลบได้ ซึ่งเป็นยางที่มีคุณสมบัติทนต่อความร้อนได้เป็นพิเศษ ลบหมึกที่เขียนไปก็จะทำให้เกิดความร้อนจากการเสียดสีขึ้น และเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น สารที่ทำให้สีเปลี่ยนตามอุณหภูมิก็จะทำการแยกสีหมึกและสารที่ทำให้เกิดสี ออกจากกัน ทำให้สีหมึกนั้นเปลี่ยนเป็นสีหมึกที่โปร่งแสงและไม่เห็นข้อความ
ต่อมาภายหลังหลังจากการเข้ายื่นหนังสื่อคัดค้านการประกันตัว ประมาณ 20 นาที นางวันเพ็ญ กล่าวว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำเอกสารนั้น วันนี้(25 ส.ค)ก็ได้ชี้ชัดแล้วว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทางครอบครัวสงสัยมาตลอดหลังจากพบว่าเอกสารการโอนหุ้นมีพิรุธ ตอนนี้ทางครอบครัวต้องการต่อสู้เพื่อกู้ชื่อเสียงของครอบครัวและตัวนายชูวงษ์ด้วย ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม พร้อม พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ช่วยติดตามหาข้อเท็จจริง ทั้งนี้ขอขอบคุณชาวนครสวรรค์ ที่ช่วยกันส่งกำลังใจและข้อมูลต่างๆอีกด้วย ส่วนกรณีการใช้ปากกาอะไรในการเซ็นเอกสารนั้น เชื่อว่าคนใกล้ชิดและพนักงานในบริษัทรู้ดีอยู่แล้ว เอกสารๆเก่าสามารถนำมาเปรียบเทียบและยืนยันได้ ยืนยันว่าไม่ได้ใช้ปากกาชนิดที่พ.ต.ท.บรรยินกล่าวอ้างแน่นอน