svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

จับโจรลักทรัพย์นาน 4 ปี พยายามข่มขืน 10 ครั้ง

06 สิงหาคม 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เมื่อเวลา11.30น.วันที่6ส.ค.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวชรอง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4พ.ต.อ.นิธิศ บุญเจริญผกก.สน.อุดมสุข พ.ต.ท.เนติวงษ์ กุหลาบ รองผกก.สส.พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม สว.สส.และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.อุดมสุขร่วมกันแถลงผลจับกุมนายนวพรหรือหน่อง สินมาอายุ41ปีที่อยู่ 45/1หมู่12ต.ท่าหมื่นรามอ.วังทองจ.พิษณุโลก พร้อมของกลางโน๊ตบุ๊ค จำนวน 3 เครื่อง กระเป๋าสะพายลายทหารจำนวน1ใบ รถยนต์ยี่ห้อมาสด้าสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กฉ2732ราชบุรี จำนวน1คัน และของกลางอื่นๆอีกหลายรายการ โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ลักทรัพย์หรือรับของโจรสามารถจับกุมได้บริเวณร้านซ่อมเครื่องไฟฟ้าไม่มีเลขที่หมู่1ถ.เพชรเกษม ต.วังละมุด อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม


พ.ต.อ.นิธิศกล่าวว่าสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.อุดมสุขได้รับแจ้งเหตุจากนายพรรษวัส วารี อายุ32ปี ผู้เสียหายว่าได้มีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ภายในบ้านเลขที่52/96หมู่บ้านศุภาลัยถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงและเขตประเวศ กทม.และยังมีผู้เสียหายที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านศุภลัยอีกสองรายที่เข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมเมื่อวันที่29ก.ค.ที่ผ่านมา จนเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมานายพรรณธกรกิจ ธนไพศาล ผู้เสียหายอีกคนเข้าแจ้งความว่าอาศัยอยู่ที่หมุ่บ้านดังกล่าวมีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ภายในบ้านได้ทรัพย์สินไปหลายรายการเช่นกันจากลักษณะการก่อเหตุเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายคนเดียวกันจากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้ประชุมวางแผนสืบสวนหาข่าวจนสืบทราบว่าโน๊ตบุ๊คของกลางได้วางขายอยู่ที่บริเวณร้านซ่อมเครื่องไฟฟ้าไม่มีเลขที่ในจ.นครปฐมฝ่ายสืบสวนไปเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับนายพรรษวัสเมื่อเดินทางไปถึงพบนายนวพรแจ้งว่าตนเองเป็นเจ้าของร้านจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบของกลางโน๊ตบุ๊คยี่ห้อคอมแฟคสีดำ-เทาและโน๊ตบุ๊คยี่ห้อเดล สีบรอนซ์-เงินและเครื่องประดับจำนวนหนึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นทรัพย์สินหลายรายการที่ได้แจ้งความหายไว้ในพื้นที่สน.อุดมสุขเจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมพร้อมยึดของกลางทั้งหมดมาสอบสวนเพิ่มเติมที่สน.อุดมสุข


จากการสอบสวนนายนวพรให้การรับสารภาพว่าได้ขโมยทรัพย์สินมาจากหมู่บ้านศุภาลัยจริงโดยได้เข้าไปขโมยทรัพย์สินในบ้านจำนวน5หลังแต่ได้ทรัพย์มาจำนวน3หลังและเมื่อวันที่4ส.ค.ที่ผ่านมาได้ย้อนกลับมาก่อเหตุอีกครั้งซึ่งทรัพย์สินที่ได้ส่วนมากจะนำไปทิ้งเอาแต่ทองคำเพื่อนำไปขายเป็นเศษประมาณกรัมละ200-300บาทโดยเลือกที่จะลงมือก่อเหตุเวลาประมาณ02.00น.และเลือกบ้านที่ไม่สัญญาณกันขโมยหรือไม่มีเหล็กดัดเมื่อเข้าบ้านได้แล้วถ้าเจอผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงก็จะจับมัดแล้วลวนลามบางรายจะพยายามข่มขืนถึง 10 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากตนเองเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจึงได้แต่ลวนลามและบังคับให้บอกที่ซ่อนทรัพย์สินแทน


นายนวพรกล่าวต่อว่าตนเองไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่งและได้ออกลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชนมาแล้วกว่า4ปีโดยจะเข้าทำการลักทรัพย์ตามหมู่บ้านผู้คนที่มีฐานะดีเมื่อได้ทรัพย์สินมาแล้วจะนำมาวางขายบางส่วนเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าจากการตรวจสอบประวัติของนายนวพรพบว่าเคยเข้าไปก่อเหตุในพื้นที่สน.อุดมสุขจำนวน10ครั้งพื้นที่สน.มีนบุรีจำนวน7ครั้งและพื้นที่สภ.บางแก้วจ.สมุทรปราการจำนวน8ครั้งและผู้ต้องหารายนี้เพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำเมื่อปีพ.ศ.2554ก่อนมาก่อเหตุเดิมซ้ำอีกหลังแถลงข่าวเสร็จเจ้าหน้าที่นำตัวนายนวพรส่งพนักงานสอบสวนสน.อุดมสุขดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.



logoline