กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี เริ่มมีความชัดเจนมามากขึ้น หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ไปร่วมในพิธีฉลองมงคลสมรสบุตรชายคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่โรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยในงานมีทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง ทหาร และที่ปรึกษาคสช. มาร่วมงานจำนวนมาก
หลังจาก ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า อยากให้ทุกฝ่ายที่ขัดแย้งกันเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาท เลิกขัดแย้ง และเดินหน้าประเทศไทย ต่อไปอย่าทะเลาะกัน เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศ รวมถึงต้องจับมือกัน ลืมความบาดหมางเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และ ขอฝากนักการเมืองที่มาร่วมงาน ว่าทำอะไรขอให้คิดถึงคนรุ่นหลัง จนถูกวิพากษ์วิจาณณ์ว่าเป็นการทาบทามคุณสมคิดกลางงานแต่งลูกชาย
ล่าสุดมีรายงานว่า คุณสมคิด ได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ในครม หลังจากก่อนหน้านี้ได้ปฏิเสธมาตลอด โดยจะขอทำงานอยู่เบื้่องหลัง แต่หลังจากนายกฯพูดบนเวทีเหมือนเป็นการทาบอีกครั้ง จึงทำให้คุณสมคิด ตัดสินใจใหม่อีกครั้ง และรอความชัดเจนว่านายกฯ จะมอบหมายให้รับผิดชอบงานด้านใดเป็นพิเศษหรือไม่
ด้านรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ย้ำว่า การปรับครม.เป็นอำนาจของนายกฯ เพียงผู้เดียวที่จะพิจารณา กระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นการคาดเดา และไม่ตรงกับความเป็นจริง บางเรื่องก็เกินเลยไป และทำให้เกิดความกระเพื่อมในทางการเมือง ซึ่งไม่มีประโยชน์
ส่วนข้อเสนอของคณะกรรมการปรองดองฯ สปช.ที่เสนอว่า หากมีการปรับ ครม.ขอให้นำภาคเอกชน และ พรรคการเมือง 2 พรรคใหญ่เข้ามาร่วมด้วย รองนายกฯ วิษณุบอกว่า คณะกรรมการปรองดองฯ เสนอมาหลายเรื่อง ทั้งเรื่องอภัยโทษ, นิรโทษ จนกระทั่งตั้งรัฐบาลแห่งชาติ มองว่าข้อเสนอเหล่านี้ไม่ผิดอะไร แต่เชื่อว่านายกฯ คงได้ยินและทราบแล้ว ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรก็แล้วแต่นายกฯ และในฐานะเป็น 1 ใน 36 รัฐมนตรี จึงไม่ควรวิจารณ์เรื่องการปรับครม.