องค์ประกอบหลักของการถือศีล-อด การถือศีล-อดจะเป็นการถือศีล-อดที่ถูกต้อง มีองค์ประกอบที่สำคัญ 2 ประการด้วยกัน คือ
1. ต้องมีความตั้งใจ หรือเจตนาที่จะถือศีล-อด ความตั้งใจนั้นต้องเกิดจากความเชื่อมันและการตั้งมั่นที่จะถือศีล-อด จึงจะเกิดผลบุญที่ประเสริฐ
2. ต้องงดจากการกิน การดื่ม ตลอดจนข้อห้ามต่าง ๆ ตามที่ศาสนากำหนดไว้ ในช่วงเวลาตั้งแต่แสงอรุณขึ้น จนกระทั้งถึงดวงอาทิตย์ฟ้า
ผู้ที่ศาสนากำหนดให้ถือศีล-อด
ผู้ที่ต้องถือศีล-อดนั้น จะต้องเป็นชาวมุสลิมที่บรรลุศาสนภาวะ และมีติสัมปชัญญะสมบูรณ์ครบถ้วน
ประเภทของผู้ที่ได้รับการผ่อนผันการถือศีล-อด 1. ผู้ที่ไม่ต้องถือศีล-อดและไม่ต้องชดใช้ ได้แก่ คนเสียสติ และเด็กที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะ (ในกรณีที่เป็นเด็กสมควรที่จะให้ผู้ปกครองฝึกฝนการถือศีล-อด ตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อสามารถทำได้เมื่อถึงวัยที่บรรลุศาสนภาวะ)
2. ผู้ที่ไม่ต้องถือศีล-อดและจำเป็นต้องถือศีล-อดชดใช้ในวันอื่น ได้แก่
2.1 ผู้ป่วยที่ไม่ใช่การป่วยแบบเรื้อรัง
2.2 คนเดินทาง
2.3 สตรีที่กำลังมีประจำเดือน 2.4 สตรีที่กำลังมีเลือดหลังการคลอดบุตร
3. ผู้ที่ไม่ต้องถือศีล-อดและจำเป็นต้องจ่ายฟิตยะห์ ได้แก่
3.1 คนชรา
3.2 คนป่วยที่มีอาการเรื้อรังยาวนาน
3.3 ผู้ใช้แรงงานหนัก
3.4 หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมลูก 3.5 การจ่ายฟิตยะห์ชดเชยการถือศีล-อดนั้น คือการให้อาหารแก่คนยากจน 1 คน แทนการถือศีล-อด 1 วัน การปฏิบัติตนในการถือศีล-อด 1. มีความตั้งใจจะทำการถือศีลอดในวันรุ่งขึ้น 2. ต้องรับประทานอาหารสะโฮร - อาหารสะโฮร จะเป็นสิ่งใดก็ได้ จะรับประทานมากหรือน้อยก็ได้ หรือแม้แต่เพียงดื่มน้ำ ก็ถือได้ว่าเป็นอาหารสะโฮร - เวลาของสะโฮรนั้น จะเริ่มตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน จนถึงแสงอรุณขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับประทานอาหารสะโฮรตามเวลา เพราะหากไม่รับประทานนั้น จะถือว่าเป็นการทรมาณร่างกายและการถือศีล-อดในวันนั้นจะไม่สมบูรณ์ 3. รีบละศีล-อดเมื่อเข้าเวลามักริบ เมื่อได้เวลามักริบ ควรรีบละศีล-อดทันทีโดยไม่รอช้า สมควรละ ศีล-อดด้วยอินทผลัมก่อนที่จะรับประทานอาหารอื่น หากสามารถทำได้ ถ้าไม่มีอินทผลัมก็ให้ละศีล-อดด้วยน้ำก่อน แล้วจึงรับประทานอาหารอื่น ๆ 4. งดเว้นการกระทำที่ไร้สาระ หรือสิ่งที่สวนทางกับการ ถือศีล-อด เพราะการถือศีล-อดไม่ใช่เพียงการอดอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ต้องงดเว้นจากสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ด้วย เช่น การพูด การมองเห็น และการกระทำในสิ่งที่ไม่ดี ไม่สมควร 5. ส่งเสริมให้แปรงฟันและทำความสะอาดช่องปากในช่วงถือศีล-อด 6. อ่านและศึกษาอัลกุรอาน 7. ขอดุอาอฺ (ขอพรจากพระเจ้า) ให้มากที่สุด 8. ทำอิบาดะฮ์ (การทำความดี) ให้มากที่สุด โดยเฉพาะในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน
สิ่งที่อนุโลมให้กระทำได้ในขณะถือศีล-อด 1. อาบน้ำ แช่น้ำ หรือดำน้ำ 2. เขียนตา หยอดตา 3. การจูบที่ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้ 4. ฉีดยา 5. กรอกเลือด 6. การกลั้วคอ และการสูดน้ำเข้าจมูก (แต่ต้องระวังให้มาก ) 7. สิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น ฝุ่น ควัน กลิ่น 8. การสูดดมสิ่งที่มีกลิ่นหอม เช่น ดมดอกไม้ น้ำหอม 9. การทาครีมที่ผิวหนังของร่างกาย
สิ่งที่ทำให้เสียศีล-อด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. สิ่งที่ทำให้เสียศีล-อด และจำเป็นต้องถือศีล-อดชดใช้ด้วย ได้แก่ - กินหรือดื่มโดยเจตนา (หากเกิดจากการลืมไม่ทำให้เสียศีล-อด) - การทำให้อาเจียนโดยเจตนา (หากอาเจียนเองไม่ต้องถือศีล-อดชดใช้) - การมีเลือดประจำเดือน หรือเลือดหลังการคลอดบุตร - การทำให้เกิดการหลั่งอสุจิโดยเจตนา (หากไม่เกิดจากการเจตนา ถือว่าไม่เสียศีล-อด เช่น นอนหลับฝันร่วมประเวณี) - การกลืนกินสิ่งที่ไม่ใช่อาหารลงสู่ลำคอ 2. สิ่งที่ทำให้เสียศีล-อดและจำเป็นต้องถือศีล-อดชดใช้ พร้อมจ่ายกัฟฟาเราะฮฺด้วย คือ การร่วมประเวณีในเวลากลางวันของเดือนรอมฎอนกัฟฟาเราะฮฺ คือ การปล่อยทาส 1 คน หากไม่สามารถทำได้ ก็ให้ถือศีล-อด 2 เดือนติดต่อกัน หากไม่สามารถทำได้ ก็ให้เลี้ยงอาหารคนยากจน 60 คนสิ่งประเสริฐในดือนรอมฎอนที่มุสลิมต่างแสวงหา คือ คืนอัลก็อดรฺ คืนอัลก็อดรฺ หรือที่เรียกกันว่า คืนลัยละตุ้ลก๊อด เป็นค่ำคืนที่มีความประเสริฐมากกว่าคืนอื่น ๆ ทั่วไป ในอัลกุรอานระบุว่า คืนอัลก็อดนั้น มีความประเสริฐมากกว่าคืนอื่น ๆ ธรรมดาทั่วไป ถึง 1,000 เดือน ดังนั้น จึงสมควรที่จะแสวงหาและทำความดีในค่ำคืนนั้น เช่น การละหมาด การขอดุอาอฺ เป็นต้น
ซะกาตุ้ลฟิตริ (เป็นส่วนชดเชยเพื่อความสมบูรณ์แบบของผลบุญ)
ซะกาตุ้ลฟิตริ หรือที่เรียกกันว่า ซะกาตฟิตเราะฮฺ หมายถึง ซะกาตที่มุสลิมทุกคนที่มีความสามารถจ่ายได้จะต้องจ่ายออกไปก่อนการละหมาดอีด อีดิ้ลฟิตริ
เป้าหมายของซะกาตุ้ลฟิตริ
1. เพื่อให้ผู้ถือศีล-อดมีความบริสุทธิ์จากข้อตำหนิ หรือข้อบกพร่องต่าง ๆในช่วงการถือศีล-อด2. เพื่อเป็นสิ่งช่วยเหลือให้แก่ผู้ที่ยากจน
สิ่งที่กำหนดให้จ่ายเป็นซะกาตุ้ลฟิตริ ตามตัวบทฮะดีษที่กำหนดไว้ มีดังต่อไปนี้ คือ ข้าวสาลี , ข้าวฟ่าง , อินทผาลัม , องุ่นแห้ง (ลูกเกด) , นมตากแห้ง จากสิ่งที่กำหนดมาดังกล่าวนั้น ทำให้เข้าใจได้ว่า สิ่งที่จะจ่ายเป็นซะกาตุ้ลฟิตร คือ สิ่งที่เป็นอาหารหลักของผู้คนทั้งหลาย ดังนั้น จึงสามารถใช้หลักการกิยาส (เทียบเคียง) จึงสามารถจ่ายซะกาตุ้ลฟิตริด้วยสิ่งที่เป็นอาหารหลักของแต่ละท้องถิ่นได้ เช่น ข้าวสาร ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว เป็นต้น
ชาวมุสลิม กับการละหมาด
www.nationtv.tv/main/content/lifestyle/378464163/