สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน วันนี้ว่า คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน ( ซีเอสอาร์ซี ) ออกแถลงการณ์เรื่องการห้ามมิให้นักลงทุนผู้ถือครองหุ้นเกิน 5% ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาลหรือเอกชน นำหุ้นออกขายทอดตลาดภายในระยะเวลา 6 เดือนนับจากนี้ ผู้ใดฝ่าฝืนอาจต้องรับโทษสถานหนัก
แถลงการณ์ดังกล่าวของซีเอสอาร์ซีได้รับการวิเคราะห์ว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลจีน ในการแก้ไข "ภาวะฟองสบู่แตก" ในตลาดหลักทรัพย์ของจีน ซึ่งปรับตัวลดลงมากเกือบ 30% ภายในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์ หรือนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.เป็นต้นมา คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงกว่า 3.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 107.8 ล้านล้านบาท ) ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพซิตปิดลบมากถึง 5.9% เมื่อวันพุธ ฉุดรั้งให้ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง ซึ่งมีความผูกพันกับตลาดหุ้นจีนปิดลบไปตามกัน
ด้านนายแจ็ค ลิว รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ แถลงแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ของตลาดหลักทรัพย์ในจีน ว่าอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาลปักกิ่งในระยะยาว
เนื่องจากมีรายงานด้วยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของจีนทั้งที่นครเซี่ยงไฮ้และเมืองเซินเจิ้นกว่า 500 แห่ง พร้อมใจกันระงับการซื้อขายชั่วคราวเมื่อวันพุธเพียงวันเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่านี้ เพิ่มจำนวนบริษัทที่ขอระงับการซื้อขายเป็นอย่างน้อย 1,300 แห่งแล้ว คิดเป็น 45% ของบริษัททั้งหมดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แผ่นดินใหญ่