"บิ๊กอ๊อด" เชื่อไทยโกยเหรียญหลังพิธีเปิด

ทีมข่าวกีฬา "คม ชัด ลึก" รายงานความเคลื่อนไหวการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ซึ่งมีพิธีเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการวันที่ 5 มิถุนายน ที่สนามกีฬาแห่งชาติภายในสิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ โดยมี โทนี ตัน ประธานาธิบดีสิงคโปร์ เป็นประธาน ด้านผู้แทนจากรัฐบาลไทย นำโดย พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และกำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วมพิธีด้วย ซึ่งเริ่มเวลา 18.30-22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ทีวีพูล โดย ช่อง 3 ถ่ายทอดสด
พิธีเปิดการแข่งขันครั้งนี้ เจ้าภาพเน้นเรื่องนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการเคลื่อนที่ในอากาศมาใช้ ประกอบกับการใช้จอแอลอีดี ในการประกอบการแสดง จำนวน 160 จอ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในพิธีเปิดมหกรรมกีฬานานาชาติเท่าที่เคยมีมา และเจ้าภาพยืนยันว่าทำลายสถิติจำนวนจอภาพมากที่สุดในโลก โดยในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ที่มีเพียง 146 จอเท่านั้นอีกด้วย
สำหรับการแสดงนั้น เจ้าภาพเน้นการมีส่วนร่วมของชาติอาเซียนทั้ง 11 ชาติในซีเกมส์ ท่ามกลางความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่ก็มาร่วมเฉลิมฉลองในมหกรรมกีฬาเดียวกัน ความยิ่งใหญ่ในสปิริตของมนุษย์ที่มีร่วมกันอย่างมีความสุข มีนักแสดง 5,000  คน และทหารอีก 3,500 คน ในการแสดงทั้งหมด รวมทั้งยังมีการแจกอุปกรณ์ในการมีส่วนร่วมพิธีเปิดเป็นกล่องพลาสติก 6 เหลี่ยม พร้อมสายห้อยคอให้ผู้ชม 55,000 คนด้วย โดยประเทศไทย มี "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักฟุตบอลทีมชาติไทย ถือธงไตรรงค์นำขบวนนักกีฬาไทยเข้าสู่สนาม
ด้านคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมชาติไทยชุดใหญ่เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิถึงประเทศสิงคโปร์แล้ว เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน โดยสายการบินไทย แบ่งเป็น 2 ชุด เที่ยวบิน ทีจี 403 ประกอบด้วย รักบี้ฟุตบอล, เรือประเพณี, ไตรกีฬา, วูซู, เรือแคนู, บิลเลียด-สนุกเกอร์, มวยสากล รวม 140 คน, เที่ยวบิน ทีจี 413 ว่ายน้ำ,กระโดดน้ำ, ยิมนาสติค, ซอฟท์บอล, เทนนิส, เปตอง, ฮอกกี้ อีก 183 คน และ ทีจี 409 ยิงปืน กรีฑา ตะกร้อ อีก 56 คน รวมทั้งสิ้น 379 คน นำโดย ดร.สุพิตร สมาหิโต รองประธานกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย และรองหัวหน้าคณะนักกีฬาไทย
"เจ้าเอ็ม" วุฒิชัย มาสุข นักมวยสากลสมัครเล่น เจ้าของเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่สื่อสิงคโปร์ยกให้เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งในซีเกมส์ครั้งนี้ กล่าวว่า ไม่มีความกดดันแต่อย่างใด กลับรู้สึกดีใจที่เจ้าภาพให้เกียรติเช่นนี้ เรื่องของกีฬานั้นมีแพ้มีชนะ หากเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใคร โดยเป้าหมายคือเหรียญทองเท่านั้น หลังจากได้แชมป์มาแล้วในซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่พม่า
"ในรุ่น 64 กก.นั้น มีคู่แข่งสำคัญคือ ฟิลิปปินส์ แต่ทราบมาว่า พม่า โอนสัญชาตินักชกคิวบามาแข่งขันด้วย ซึ่งจะประมาทไม่ได้ โดยการชั่งน้ำหนักและจับสลากประกบคู่จะมีขึ้นในวันที่ 5 มิถุนายน และแข่งขัน 6 มิถุนายน ทั้งนี้ ก่อนมาแข่งขัน ได้ไปขอพรท้าวสุรนารี หรือ ย่าโม พร้อมสักการะและบนลานกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ หากคว้าเหรียญทองสำเร็จจะนำช้าง 1 คู่ ไปแก้บนอีกด้วย"
ขณะที่ น.อ.สมยศ จุลเสน ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค สมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากเดิมสมาคม ตั้งเป้าที่ 6 เหรียญทอง แต่มาถึงตอนนี้มั่นใจว่าจะได้ไม่น้อย 7 เหรียญทองแน่นอน โดยคู่แข่งสำคัญนั้นมวยชาย คือ ฟิลิปปินส์ ส่วนมวยหญิง คือ เวียดนาม
ส่วน ประพฤติ ชัยธนสกุล หรือ "รมย์ สุรินทร์" นักบิลเลียดจอมเก๋า กล่าวว่า เล่นกีฬาสอยคิวมาตั้งแต่ซีเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่ฟิลิปปินส์ ปี 2534 โดยเล่นสนุกเกอร์ก่อน และมาเปลี่ยนเป็นบิลเลียดในซีเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่อินโดนีเซีย ปี 2540 จากนั้นก็เล่นบิลเลียดมาตลอดจนถึงซีเกมส์ ครั้งที่ 28 นับเป็นสมัยที่ 13 ติดต่อกัน
สำหรับศึก "ลอดช่องเกมส์" นักสอยคิว วัย 53 ปี ซึ่งกวาดแชมป์โลก แชมป์เอเชี่ยนเกมส์ และแชมป์ซีเกมส์ มาหมดแล้ว กล่าวว่า จะลงแข่งขัน 4 ประเภทได้แก่ เดี่ยว 2 ประเภท 100 แต้ม และ 500 แต้ม, คู่ และทีม มั่นใจคว้า 2 เหรียญทอง โดยเฉพาะประเภทคู่ ซึ่งตนกับ "วัช หาดใหญ่" ธวัช สุจริตธุระการ เป็นแชมป์เก่าด้วย จะต้องป้องกันแชมป์ให้ได้ โดยมีพม่าเป็นคู่แข่งสำคัญ
ด้าน "วัช หาดใหญ่" นักบิลเลียดทีมชาติไทย กล่าวเสริมว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาการเส้นเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจตีบกำเริบ จนต้องเข้าห้องไอซียู แต่ในซีเกมส์ครั้งนี้ เชื่อว่าอาการป่วยจะไม่เกิดขึ้นอีก โดยนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล แม้ช่วงแรกยังมีอาการหน้ามืดตอนก้มลงแทงลูกบ้าง แต่จากนั้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีอาการเหมือนครั้งก่อน ซึ่งแพทย์เตือนว่าในช่วงการแข่งขันต้องพยายามไม่ตื่นเต้นมากนัก แนะนำวิธีหายใจ แทงให้ช้าลง เพื่อให้ไม่กระทบกับหัวใจ ถึงเวลานี้ตนเชื่อว่าร่างกายพร้อมแข่งขันแล้ว
ในขณะที่ "เฮียฮง" สุนทร จารุมนต์ ผู้จัดการทีมสอยคิวไทย กล่าวว่า ทีมไทยตั้งเป้าไว้ที่ 2 เหรียญทอง จากสนุกเกอร์ กับ บิลเลียด โดยจะอัดฉีดเงินรางวัลให้นักกีฬาที่ได้เหรียญรางวัล เท่ากับกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ คือ เหรียญทอง 2 แสนบาท, เหรียญเงิน 1 แสนบาท และเหรียญทองแดง 5 หมื่นบาท
วันเดียวกัน คริส ชาน เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติสิงคโปร์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการฝ่ายกฎข้อบังคับสหพันธ์ซีเกมส์ ที่โรงแรมแฟร์มอนต์ ประเทศสิงคโปร์ โดยมี 3 มนตรีซีเกมส์ชาวไทย ศ.เจริญ วรรธนะสิน, นพ.วารินทร์ ตัณฑศุภศิริ และนายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ เข้าร่วมประชุม
หลังการประชุม ศ.เจริญ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งต่อๆ ไป โดยมาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพครั้งที่ 29 ปี 2017 แต่บรูไนได้แจ้งขอถอนตัวในการเป็นเจ้าภาพ ครั้งที่ 30 ปี 2019  โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลไม่พร้อม ซึ่งที่ประชุมได้สอบถามไปยังฟิลิปปินส์ว่ามีความพร้อมรับเป็นเจ้าภาพแทนหรือไม่ แต่ผู้แทนของฟิลิปปินส์ยังแบ่งรับแบ่งสู้ ในขณะที่เวียดนามยังไม่ยืนยันการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ปี 2021 แม้ว่าสหพันธ์กีฬาซีเกมส์จะมีมติเลือกเวียดนามเป็นเจ้าภาพไปแล้วก็ตาม โดยผู้แทนเวียดนาม กล่าวว่า ต้องรอนโยบายรัฐบาลว่าจะจัดการแข่งขันที่กรุงฮานอย หรือ โฮจิมินห์ จากนั้นซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ปี 2023 ประเทศกัมพูชา ยืนยันชัดเจนว่าพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยได้รับสารยืนยันจาก นายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชาแล้ว พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาสร้างสนามแข่งขันเสร็จทันแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมนตรีซีเกมส์ ได้สอบถามมายังประเทศไทยว่ามีความพร้อมจัดซีเกมส์แทนบรูไนได้หรือไม่ ซึ่ง ศ.เจริญ กล่าวว่า ประเทศไทยคงจะต้องพิจารณาอีกครั้ง โดยจะต้องนำประเด็นนี้ไปหารือกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานโอลิมปิคไทย และ พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการฯ ก่อนว่าไทยจะพร้อมรับเป็นเจ้าภาพหรือไม่ ซึ่งยังมีกระบวนการต่างๆ อีกมาก โดยเฉพาะการขอมมติจากคณะรัฐมนตรี แต่หากไทยจะเป็นเจ้าภาพ ตนเห็นว่าไม่ควรจัดที่กรุงเทพฯ หรือจังหวัดที่เคยจัดไปแล้ว อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา ควรจะเลือกจังหวัดใหม่ๆ ที่มีความพร้อม อาทิ  ขอนแก่น ซึ่งเป็นหัวเมืองใหญ่ทางภาคอีสาน เป็นต้น
ศ.เจริญ กล่าวในตอนท้ายว่า ผู้แทนจากมาเลเซีย ได้เสนอให้ปรับเปลี่ยนธรรมนูญข้อบังคับ การแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ จะต้องมีชาติเข้าแข่งขันไม่ต่ำกว่า 4 ชาติ ขอให้ปรับเป็น 3 ชาติ โดยจะไม่แจกเหรียญทองแดง ซึ่งไม่เห็นด้วย และมีการถกเถียงอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมองว่าไม่เป็นการพัฒนา และลดศักดิ์ศรีของกีฬาซีเกมส์ แต่ชาติสมาชิกมองว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้การแข่งขันอย่างกรีฑา และว่ายน้ำ สามารถแข่งขันได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามตนไม่เห็นด้วยหากจะใช้กฏนี้ กับการแข่งขันกีฬาประเภทอื่นๆ ซึ่งเรื่องนี้คงต้องหารือในที่ประชุมสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ต่อไป