svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เอฟบีไอ ร่วมมือไทย ตรวจสอบคดียูฟัน

03 มิถุนายน 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตำรวจFBIสหรัฐฯ ร่วมตรวจสอบปราบคดียูฟัน พร้อมเผยข้อมูลผู้บริหารรายสำคัญ


ที่ศูนย์ปฎิบัติการสืบสวนและช่วยเหลือเหยื่อในคดีฉ้อโกงประชาชน (ยูฟัน) บก.ปคบ. ชั้น 4 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษฯ เมื่อเวลา 11.00น. วันที่ 3 มิถุนายน พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยพ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.ท.ปองพล เอี่ยมวิจารณ์ รองผู้กำกับการ ฝ่ายกิจการการฝึกอบรม วิทยาลัยการตำรวจ กองบัญชาการศึกษา ช่วยราชการ สำนักงานผู้ช่วยผบ.ตร. ร่วมกับนายเฟาซี คาล อิสมาอีล อัครทูตที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย แถลงเปิดเผยข้อมูลของนายอาทิตย์ ปานแก้ว หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ พร้อมทั้งเปิดเผยเส้นทางการเงิน และหมายจับผู้บริหารบริษัทยูฟันชาวต่าง รายที่ 38 รวมถึงการประสานความร่วมมือกับตำรวจสากลในการติดตามผู้ต้องหาที่หลบหนี และการยกระดับคดีนี้ให้เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติ


พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า จากการตรวจสอบผู้บริหารของบริษัทยูฟันทั้งกรรมการบริหาร ผู้บริหารที่เข้ามาเกี่ยวข้องมาดำเนินการในประเทศไทยมี 3 บุคคล คือดาโต๊ะ แดเนียล เต เท คิม เลง ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับรายที่ 3, นายลี ควน มิง หรือ MR.BRIGHT LEE ผู้ต้องหารายที่ 4 และนายนีโอ ออง (MR.NEO ONG) ผู้ต้องหารายที่ 38 ในความผิดฐาน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยนายลี ควน มิง ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.56 ถึง 18 ก.พ.58 และนายนีโอ ออง ซึ่งเป็นผู้บริหารกลุ่มบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด เป็นบุคคลสำคัญที่มีผู้เสียหายหรือพยานได้ยืนยันว่าทั้ง 2 ได้เดินทางมาร่วมงานของบริษัทยูฟันฯ ในประเทศไทยเช่น งานที่จัดขึ้นที่ไบเทคบางนา การลงนาม MOA กับ 3ธนาคาร รวมถึงพบเห็นว่าบุคคลทั้ง 2 ได้ไปที่สำนักงานใหญ่ที่บางนาอีกด้วย ทั้งนี้จากการตรวจสอบการเดินทางเข้าประเทศไทยพบว่าในช่วงกว่าหนึ่งปี นายลี ควน มิง ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยจำนวน14 ครั้ง ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ 4 ครั้ง สนามบินดอนเมือง 10 ครั้ง ขณะที่นายนีโอ ออง ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยจำนวน 26 ครั้ง ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ 18 ครั้ง สนามบินดอนเมือง 7 ครั้ง ปาดังเบซาร์ 1 ครั้ง และได้ใช้ฐานะทางสังคมมาหลอกให้คนไทยหลงเชื่อยอมเข้าร่วมลงทุนด้วย ทั้งการใช้ ดาโต๊ะ หรือตำแหน่ง พลโท ของนายอธิวัฒน์ สุ่นปาน ถือเป็นตัวการสำคัญของคดีนี้ที่ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ


พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวต่อว่า ส่วนนายอาทิตย์ ปานแก้ว ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับรายที่ 1 ได้ปลอมตัวเข้ามาเป็นคนไทยและได้ร่วมกับพลโทอธิวัฒน์ สุ่นปาน ก่อตั้งบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด ต่อมา ดาโต๊ะ แดเนียล เต เท คิม เลง ได้ปรากฎชื่อในบริษัทเป็นผู้บริหารโดยได้เข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทยูฟันฯ และทีมสืบสวนตรวจสอบข้อมูลของนายอาทิตย์พบว่า เดิมนายอาทิตย์ เป็นชาวมาเลเซียชื่อออย ชู ฮวด เกิดเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2511 ต่อมาได้ถือพาสปอร์ตเลขที่ A16894113 เข้ามาในประเทศไทย ก่อนที่จะเข้ามาขอใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย(work permit) ที่จังหวัดสงขลา เมื่อปีพ.ศ. 2550 โดยเข้ามาทำงานในโรงงานผลิตเครื่องกรองน้ำ ซึ่งมีพลโทอธิวัฒน์ เป็นที่ปรึกษาของโรงงานแห่งนี้ จนได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทยูฟันฯ


พล.ต.ท.สุวิระ เปิดเผยอีกว่า ต่อมานายอาทิตย์ได้ทำบัตรประชาชนครั้งแรกที่จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าเป็นการทำบัตรประชาชนเพิ่มเติมจากการตกสำรวจ มีผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และประชาคมเป็นผู้เซ็นชื่อรับรอง แต่จากการลงไปสอบถามของพ.ต.อ.อังกูรพบว่าผู้ใหญ่บ้านไม่ได้เป็นคนเซ็นชื่อรับรองแต่อย่างใด และไม่มีการเชิญหารือแต่ได้รับการประสานจากอำเภอให้ไปทำบัตรให้กับประชาชนที่ตกการสำรวจ และไม่ได้มีส่วนรับรู้กับเรื่องดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเกิดการทุจริตในการทำบัตรประชาชนที่นั้น และข้อมูลในบัตรได้มีการแจ้งวันเดือนปีเกิดเดียวกันกับนายออย ชู ฮวด และแจ้งว่ามีพ่อแม่เป็นคนไทยชื่อว่านายไสว และนางจันทร์ เข้าข่ายเป็นการแจ้งความเท็จเมื่อวันที่12 พ.ย. 2553


พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 28 เม.ย. 2554 ได้ย้ายภูมิลำเนามาอยู่ที่ย่านห้วยขวาง ครั้งที่ 3 วันที่ 17 ก.ค. 2557 ได้ย้ายไปทำบัตรที่จ.นนทบุรี และวันที่ 21 ต.ค. 2557 ได้ทำบัตรใหม่อีกครั้งที่จ.นนทบุรี ต่อมาได้ทำบัตรครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2557 ที่จ.อุตรดิตถ์ ทั้งนี้นายอาทิตย์ปานแก้วเป็นผู้ก่อตั้ง ผู้ถือหุ้น และผู้สั่งโอนธุรกรรมทางการเงินของบริษัทยูฟันฯ จากบัญชีของบริษัท เข้าสู่บัญชีบุคคล โดยตรวจสอบพบหลักฐานการโอนเงินจำนวน 1,816 ล้านบาท และหลักฐานที่ตรวจพบล่าสุดเป็นจำนวนเงินมากกว่า 2 พันล้านบาท ที่ถูกถอนออกไปก่อนจะมีการลักลอบขนผ่านชายแดนเพื่อไปฟอกเงินที่ประเทศมาเลเซีย และการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของนายออย ชู ฮวด กับทางการมาเลเซีย ได้เดินทางออกจากประเทศมาเลเซียวันที่ 25 พ.ค. 2554 และไม่ได้เดินทางกลับประเทศมาเลเซียอีกเลย แต่พบว่านายอาทิตย์ได้เดินทางเข้าออกประเทศไทยจำนวน 72 ครั้ง ผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิ 36 ครั้ง สนามบินดอนเมือง 32 ครั้ง และจ.หนองคาย 4 ครั้ง จากนั้นนายออย ชู ฮวด ได้ใช้สิทธิสัญชาติไทยในการเดินทางมาตลอด โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดตามตัวได้ว่าขณะนี้หลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด


ล่าสุดทางมาเลเซียได้เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เข้าพบผบ.ตร.ของมาเลเซียเพื่อพูดคุยกันในเรื่องการประสานงานช่วยทำคดีดังกล่าว โดยเบื้องต้นทางมาเลเซียเสนอให้มีการประสานการร่วมมือทำงานแบบคู่ขนาน เพราะทางมาเลเซียเองไม่มีประชาชนมาแจ้งความจึงเปิดคดีไม่ได้ แต่ยืนยันจะช่วยประสานเรื่องการทำคดีของไทยอย่างเต็มที่เนื่องจากถือว่าคนของประเทศมาเลเซียมาก่อเหตุที่ไทย พล.ต.ท.สุวิระกล่าว


พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวอีกว่า อีกด้วยว่า นอกจากนั้นได้มีการประสานความร่วมมือกันตำรวจสากลทั้งตำรวจสากลจากประเทศมาเลเซีย ประเทศจีน ประเทศออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา และได้มีการพูดคุยกับตำรวจเอฟบีไอ(FBI)ของทางสหรัฐอเมริกาถึงการร่วมมือต่างๆ เนื่องจากทางเอฟบีไอแจ้งว่าหากพบว่ามีข้อมูลผู้ถูกหลอกเป็นชาวสหรัฐอเมริกาให้แจ้งมาทันทีจะประสานความร่วมมืออย่างเต็มที่ ซึ่งโชคดีว่ามีผู้ที่มาแจ้งความมีผู้เสียหายเป็นคนสัญชาติสหรัฐอเมริกาด้วย จึงทำให้คดีนี้ทางเอฟบีไอได้ยกระดับเป็นคดีของทางเอฟบีไอด้วย


ขณะนี้ทางเอฟบีไอสืบค้นได้ว่ามีกลุ่มบุคคลของบริษัทยูฟันฯ ได้โอนเงินไปที่สหรัฐอเมริกาผ่านทางธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์(Standard Chartered Bank USA) ได้ทำธุรกรรมทางการเงินมากกว่า 5 ครั้ง ได้รายงานทางการเงินพบว่ามีกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้โอนเงินจากอินโดนิเซียไปนิวยอร์กเป็นเงินกว่า 2.2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยให้ธนาคารบันทึกว่าเป็นการโอนเป็นเรื่องเงินเดือนและซื้อสินค้า ไม่ให้แจ้งว่าเป็นเงินจากบริษัทยูฟันฯ แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้บันทึกข้อมูลไว้โดยละเอียด ต่างจากประเทศไทยที่มักจากไม่มีการบันทึกข้อมูลไว้ทำให้เกิดช่องว่างที่สามารถฟอกเงินได้ง่าย และพบการโอนเงินจากแคลิฟอร์เนียไปกินี จำนวนเงินกว่า 31,550 ดอลล่าสหรัฐ ผมมั่นใจว่าหลังจากได้รับความร่วมมือจากเอฟบีไอแล้วอีกไม่นานจะสามารถยกระดับคดีนี้เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติได้ทันที ไม่ว่าใครจะหนีไปที่ไหนก็จะสามารถติดตามจับกุมตัวได้โดยง่ายดาย ยิ่งหากหนีเข้าสหรัฐอเมริกาแล้วเจ้าหน้าที่ที่นั้นยืนยันว่าจะไม่ให้ใครเข้ามาหลบซ่อนตัวได้แน่นอน พล.ต.ท.สุวิระระบุ


อย่างไรก็ตามขณะนี้ยอดผู้เสียหายที่มาแจ้งความรวมทั้งสิ้น จำนวน 1,070 คน ความเสียหายรวมทั้งหมดมีมูลค่า 222,821,292 บาท



logoline